วันอาทิตย์ที่ 16 กันยายน พ.ศ. 2555

iPhone 5 + QE 3 + 45th Mr.President!



ช่วง วันที่ 10–14 กันยายนที่ผ่านไป ช่างเป็นสัปดาห์ที่หลายคนอาจนึกไม่ถึงว่า มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจสหรัฐฯ ชนิดแบบว่าเอาให้ฟื้นกันชัดๆ สักทีจะเห็น จากทั้งแบงก์ชาติสหรัฐฯ ที่เรียกกันติดปากสั้นๆ ว่า “เฟด” และเห็นจากบริษัทแอปเปิล อินคอร์ปอเรชั่น เจ้าของสมาร์ทโฟนชื่อก้องโลกอย่าง iPhone ไม่ว่าจะโดยบังเอิญหรือไม่ แต่พลังและแรงส่งของทั้ง 2 เหตุการณ์ภายในสัปดาห์เดียวกัน สามารถดูได้จากอารมณ์กระทิงวิ่งชนดัชนีหุ้นดาวโจนส์ และขวิดส่งราคาหุ้นแอปเปิลพุ่งไปแล้ว...
12 กันยายน ที่ย่านซิลิคอนวัลเลย์ เมืองซานฟรานซิสโก รัฐแคลิฟอร์เนีย ที่นั่น ทิม คุก ประธานเจ้าหน้าที่บริหารบริษัทแอปเปิล อินคอร์ปอเรชั่น เปิดตัวสมาร์ทโฟนรุ่นใหม่ล่าสุดที่มีชื่อว่า iPhone 5 ซึ่งก็ต้องยอมรับว่าสร้างกระแสและทำเงินได้เหนือความคาดหมาย ทั้งในแง่ลูกค้าชาวอเมริกันที่อยู่ในสังคมแห่งการบริโภคสูงมาก รวมถึงบรรดาสาวก iPhone ทั่วโลก ลองคิดอย่างผิวๆ กับราคาเครื่องต่ำสุดที่ 199 ดอลลาร์ ก็ตกประมาณ 6,368 บาท ด้วยราคานี้คูณกับยอดจอง 5 ล้านเครื่องภายใน 24 ชั่วโมงแรกหลังการเปิดตัว ก็เท่ากับรับไปเนื้อๆ แล้ว 31,840 ล้านบาท แต่ยอดสั่งจองได้รับการปรับเพิ่มขึ้นเป็น 26 ล้านเครื่องภายในสิ้นสุดวันที่ 30 กันยายนนี้ ก็เท่ากับว่าขายได้มากถึง 165,568 ล้านบาท ยิ่งไปกว่านั้น นักวิเคราะห์ทั้งจากวงการไอที สื่อชั้นนำด้านเศรษฐกิจ ตลาดทุน และตลาดหุ้นสหรัฐฯ มั่นใจไปแล้วว่าจากวันที่ 12 กันยายนถึง 31 ธันวาคมนี้ iPhone 5 จะขายได้ถึง 149 ล้านเครื่อง ก็เท่ากับกวาดเงินไปตั้งแต่ 948,832 ล้านบาท (คิดจากราคารุ่นต่ำสุด 199 ดอลลาร์ หรือ 6,638 บาท) ถึง 1.9 ล้านล้านบาท (คิดจากราคารุ่นสูงสุด 399 ดอลลาร์ หรือ 12,768 บาท) เลยทำให้ส่งท้ายวันศุกร์ที่ 14 กันยายน (หลังเปิดตัว iPhone 5 ผ่านไป 2 วันพอดี) ราคาหุ้นของบริษัทแอปเปิลพุ่งขึ้นปิดด้วยสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์นับ ตั้งแต่เข้าซื้อในตลาดหุ้นสหรัฐฯ พระเจ้าช่วย! หุ้นอะไรแพงทะลุ 22,121 บาทต่อหุ้น เท่ากับราคาเพิ่มขึ้น 71% ตั้งแต่ต้นปีนี้ ที่น่าสนใจอยู่ตรงนี้ครับ ยอดขาย iPhone สามารถกระตุ้นเศรษฐกิจสหรัฐฯ ใน 3 เดือนสุดท้ายปีนี้ได้ถึง 0.5% ให้เข้าใจกันง่ายๆ ต่อไป คือ iPhone 5 สามารถสร้างรายได้ให้สหรัฐอเมริกาถึงปีละ 12,800 ล้านดอลลาร์ หรือ 409,600 ล้านบาท!
13 กันยายน ที่กรุงวอชิงตัน ดีซี เมืองหลวงของสหรัฐอเมริกา ประธานธนาคารกลางสหรัฐฯ นายเบน เบอร์นันกี นั่งแถลงด้วยตัวเองถึงผลการประชุมของคณะกรรมการนโยบายการเงินอีกครั้งหนึ่ง ในหน้าประวัติศาสตร์โลก เริ่มตั้งแต่ตรึงดอกเบี้ยระยะสั้นต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ 0–0.25% ต่อเนื่อง ซึ่งคาดว่ากว่าจะได้เห็นปรับขึ้นคงต้องช่วงกลางปี 2558 เป็นต้นไป ถัดมาคือ ประกาศปรับเพิ่มอัตราการขยายตัวเศรษฐกิจ หรือจีดีพีที่มีขนาดใหญ่อันดับ 1 ของโลกในปีหน้าเป็น 2.5–3.0% และในปี 2557 เพิ่มอีกเป็น 3.8% ก็แสดงว่ามีสัญญาณขยายตัวต่อเนื่อง แต่ที่น่าสนใจมากที่สุด คือ เฟดเลือกใช้มาตรการซื้อคืนตราสารทุนครั้งที่ 3 หรือที่เรียกกันติดปากสั้นๆ ว่า QE 3 โดยครั้งนี้เฟดเลือกซื้อคืนตราสารทุนอสังหาริมทรัพย์เป็นประจำทุกเดือนๆ ละ 40,000 ล้านดอลลาร์ หรือเท่ากับมีเงินใหม่ๆ เข้ามาหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจสหรัฐฯ มากขึ้นถึงเดือนละ 1.28 ล้านล้านบาท (เป็นครึ่งหนึ่งของปีงบประมาณประเทศไทยปี 2556 ที่ตั้งไว้ 2 ล้านล้านบาท แต่ใช้กันทั้ง 12 เดือน หรือ 1 ปี) โดยเริ่มซื้อทันทีในเดือนนี้และซื้อไปเรื่อยๆ ไม่มีวันสิ้นสุด หรือจนกว่าสัญญาณฟื้นตัวเศรษฐกิจสหรัฐฯ จะชัดเจนกว่าที่เป็นอยู่ในทุกวันนี้ เพียงแค่ประกาศประเด็นสุดท้ายที่ทุกคนรอคอยกับมาตรการ QE 3 ก็ส่งผลเกิดภาวะกระดิงดุวิ่งเข้าชนดัชนีหุ้นดาวโจนส์ ตลาดหุ้นนิวยอร์ก สหรัฐฯ ขึ้นปิดสูงสุดในรอบเฉียด 5 ปีที่ระดับ 13,593 เมื่อวันศุกร์ที่ 14 กันยายนที่ผ่านไป

เพียง แค่ 2 เหตุการณ์สำคัญของ iPhone 5 เปิดตัวในวันที่ 12 กันยายน พร้อมยอดจองไปจนถึงยอดขาย และ 13 กันยายน ที่ประธานธนาคารกลางสหรัฐฯ ประกาศใช้มาตรการ QE 3 ซึ่งก็ไม่ต่างกับการเปิดตัวมาตรการใหม่ที่รอคอยในวงการเศรษฐกิจตลาดทุนของ โลก เฉพาะตัวเลขของเม็ดเงินที่เกิดขึ้นในระบบเศรษฐกิจสหรัฐฯ และส่งผลทางอ้อมไปทั่วโลกจากทั้ง 2 เหตุการณ์ภายในสัปดาห์เดียวกันในครั้งนี้ก็นับกันไม่ไหวแล้ว แต่ยังเหลืออีก 1 เหตุการณ์สำคัญของคนอเมริกัน และคนทั้งโลกซึ่งจะเกิดขึ้นในวันอังคารที่ 6 พฤศจิกายนนี้ คือ วันเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ คนที่ 45 ซึ่งจะเป็นตัวกระตุ้นสุดท้าย และส่งท้ายปีนี้กับเศรษฐกิจสหรัฐฯ และเศรษฐกิจโลกอย่างแน่นอน ผมถึงได้ตั้งสูตรข้างบนไว้ว่า iPhone 5 + QE 3 + 45th Mr. President ครับ


บัญชา ชุมชัยเวทย์      ไทยรัฐออนไลน์
ที่มา IT PLAZA: iPhone 5 + QE 3 + 45th Mr.President!

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น