วันพุธที่ 28 พฤศจิกายน พ.ศ. 2555

เหตุผลที่ทำให้ Google/Android อยู่เหนือ Apple/iOS

หากพูดถึงจำนวนของผู้ที่ใช้งานระบบปฏิบัติการระหว่างแอนดรอยด์ (Android) ของกูเกิล (Google) และไอโอเอส (iOS) ของแอปเปิล (Apple) แล้ว คงปฏิเสธไม่ได้ว่าจำนวนผู้ใช้แอนดรอยด์นั้นได้แซงหน้า iOS ไปมากแล้ว ชนิดที่เรียกว่าไม่เห็นฝุ่นเลยทีเดียว

          ล่าสุด ได้มีการเปิดเผยสัดส่วนทางการตลาดในช่วงไตรมาสที่ 3 ของปี 2555 ออกมา พบว่าแอนดรอยด์มีส่วนแบ่งการตลาดที่สูงถึง 72.4% ส่วน iOS นั้นมีส่วนแบ่งเพียง 13.9% เท่านั้น นับว่าเป็นตัวเลขที่ห่างกันไกลมาก ๆ แต่จะมีใครทราบบ้างว่าเพราะเหตุใด กูเกิลถึงแซงหน้าแอปเปิลไปได้ขนาดนั้น นาย Simon Hill จากเว็บไซต์ androidauthority.com จึงได้ทำการวิเคราะห์เรื่องนี้ขึ้นมาให้พวกเราได้อ่านกันเป็นบทความตามด้านล่างนี้ครับ

          หากพิจารณาในด้านการให้บริการทางด้านออนไลน์และเว็บแล้ว ทางด้านของกูเกิลนั้นมีบริการต่าง ๆ ที่ครบถ้วนและเปี่ยมไปด้วยคุณภาพ ไม่ว่าจะเป็น Gmail, Google Docs (ภายหลังเปลี่ยนชื่อเป็น Google Drive), Google Maps, Google Music, Google+, Youtube หรือ Chrome ซึ่งทั้งหมดนี้ล้วนถูกเชื่อมต่อกันหมดผ่าน Google Account และรวมตัวเข้ากับแอนดรอยด์ ทำให้ผู้ใช้ได้รับความสะดวกสบายในการใช้งาน อีกทั้งยังมีระบบที่มีเสถียรภาพสูง ถึงแม้ผู้ใช้จะไม่ค่อยมีความรู้ด้านเทคโนโลยีก็สามารถใช้งานได้อย่างไร้ปัญหาใด ๆ

         แต่เมื่อเทียบกับบริการของด้านแอปเปิลแล้ว ทางแอปเปิลมีบริการที่ไม่มีประสิทธิภาพดีเท่าของกูเกิล ไม่ว่าจะเป็น iTunes, iCloud, MobileMe, Facetime หรือ Safari ซึ่งล้วนมีปัญหาและข้อผิดพลาดต่างจากทั้งตัวโปรแกรมและระบบ ที่ทำให้เกิดปัญหากับผู้ใช้อยู่บ่อยครั้ง รวมทั้งบริการแผนที่อย่าง Apple Maps หรือบริการโซเชียลเน็ตเวิร์กอย่าง Ping ที่แอปเปิลพยายามสร้างมาแข่งขันกับคู่แข่ง แต่สุดท้ายก็ล้มเหลวไม่เป็นท่า และจนถึงทุกวันนี้ก็ยังไม่มีทีท่าว่าจะดีขึ้นแต่อย่างใด จึงเป็นสาเหตุให้เหล่าผู้ใช้สมาร์ทโฟนที่ต้องการใช้บริการเหล่านี้เป็นหลัก เลือกที่จะใช้แอนดรอยด์กันมากกว่า iOS

          ทีนี้มาลองดูกันในด้านของการออกแบบซอฟต์แวร์บ้าง iOS ได้ถือกำเนิดมาก่อนแอนดรอยด์ โดยมาพร้อมกันกับ iPhone กับ iPod touch ในปี 2007 และได้รับความนิยมอย่างล้นหลาม ส่วนแอนดรอยด์นั้นมาพร้อมกับสมาร์ทโฟนครั้งแรกในปี 2008 โดยในช่วงแรก ๆ นั้นแอนดรอยด์ยังไม่ได้รับความสนใจเท่าที่ควร เนื่องจากยังเป็นระบบใหม่ และยังพัฒนาออกมาได้ไม่ค่อยดีนัก แต่หลังจากนั้นกูเกิลก็พยายามพัฒนาปรับปรุงให้แอนดรอยด์มีประสิทธิภาพมากขึ้นเรื่อย ๆ ต่างกับแอปเปิลที่ไม่ค่อยกระตือรือร้นที่จะพัฒนา iOS สักเท่าไหร่ จากแนวคิดที่ว่า "ถ้ามันไม่ได้มีปัญหาอะไร เราก็ไม่ต้องไปทำอะไรกับมัน" หรือเปรียบเทียบให้เข้าใจง่าย ๆ ก็คือกูเกิลนั้นวิ่งไปข้างหน้าอยู่ตลอด แต่แอปเปิลนั้นคลานอยู่กับที่นั่นเอง ทำให้แอนดรอยด์ในปัจจุบันนั้นมีประสิทธิภาพที่มากยิ่งขึ้นเรื่อย ๆ ทั้งด้านอินเทอร์เฟซและการใช้งาน แต่ iOS กลับคงรูปแบบเดิม ๆ ไม่ค่อยมีการเปลี่ยนแปลงไปสักเท่าไหร่

         ในส่วนของด้านฮาร์ดแวร์ ทางกูเกิลได้เปรียบกว่าแอปเปิลค่อนข้างมาก เนื่องจากมีบริษัทผลิตอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ต่าง ๆ ผลิตอุปกรณ์ที่ใช้แอนดรอยด์ออกมาหลากหลายยี่ห้อ หลากหลายรุ่น หลากหลายดีไซน์ ต่างกับแอปเปิลที่เป็นผู้ผลิตอุปกรณ์ที่ใช้ iOS แต่เพียงผู้เดียว ซึ่งจากการที่มีอุปกรณ์แอนดรอยด์ออกมาหลากหลายนั้น ส่งผลให้มีโอกาสเจาะกลุ่มเป้าหมายลูกค้าได้มากขึ้น เนื่องจากผู้ใช้แอนดรอยด์มีสิทธิที่จะเลือกซื้ออุปกรณ์รุ่นที่ตัวเองต้องการได้ตามใจชอบ ต่างกับผู้ใช้ iOS ที่มีตัวเลือกเพียงอุปกรณ์ของแอปเปิลที่มีออกมาเพียงไม่กี่รุ่นเท่านั้น

          อย่างไรก็ตาม ถึงแม้ว่ากูเกิลจะมีส่วนแบ่งการตลาดที่สูงกว่าแอปเปิลอยู่มาก แต่แอปเปิลนั้นมีกำไรสูงมากกว่ากูเกิล เหตุผลนั้นเป็นเพราะว่าทั้งสองบริษัทใช้กลยุทธ์ที่ต่างกัน โดยกูเกิลเน้นการทำส่วนแบ่งการตลาดให้สูง และเน้นเจาะกลุ่มลูกค้าจำนวนมาก ส่วนแอปเปิลไม่ได้เน้นจำนวนลูกค้า แต่มุ่งเน้นการจัดสรรทรรพยากรการลงทุนด้านซอฟต์และแวร์ฮาร์ดแวร์มากกว่า ส่งผลให้สามารถทำกำไรได้มากกว่ากูเกิลที่ไม่ได้ใส่ใจในเรื่องนี้เท่าไหร่นัก

           นอกจากนี้ ยังมีการพบว่าการเติบโตอย่างรวดเร็วของแอนดรอยด์นั้น ส่วนหนึ่งได้มาจากฐานลูกค้าของ BlackBerry และ Nokia ด้วย เพราะในระยะหลัง ๆ ทั้งสองแบรนด์เริ่มได้รับความนิยมลดลงไปมาก เนื่องจากลูกค้าหันมาใช้แอนดรอยด์กันแทน โดยในตอนนี้ยังเหลือที่ว่างที่เป็นโอกาสให้แอนดรอยด์และ iOS สามารถขยายตลาดได้ออกไปอีก และในอนาคตเมื่อตลาดถึงจุดอิ่มตัวแล้ว นั่นไม่ได้หมายความว่าการเจริญเติบโตของแอนดรอยด์จะหยุดนิ่ง เพราะอาจมีผู้ใช้ iOS เปลี่ยนใจหันมาใช้แอนดรอยด์กันแทนก็เป็นได้ ถึงแม้แอปเปิลจะมีบรรดาสาวกอยู่เหนียวแน่นก็ตาม แต่ถ้าหากแอปเปิลยังคงคลานอยู่กับที่ ในขณะที่กูเกิลนั้นพยายามวิ่งเร็วต่อไปเรื่อย ๆ ก็อาจทำให้เหล่าสาวกเกิดอาการไขว้เขวได้เหมือนกัน...

อ้างอิง : Kapook

ที่มา : http://itplaza.co.th/update_details.php?type_id=7&news_id=23042&page=1

พิสูจน์จากการใช้งานจริง iPhone 5 ไม่ใส่เคสสองเดือนถลอกปอกเปิกไม่เป็นท่า

ใครที่ติดตามข่าวเกี่ยวกับ iPhone 5 คงจะรู้อยู่เเล้วว่ารุ่นนี้มีข่าวเกี่ยวกับเรื่องเครื่องสีลอกออกมาอย่างต่อ เนื่อง ซึ่งก็มีทั้งคนที่ประสบปัญหานี้เเละไม่เจอ เเต่ส่วนใหญ่เเล้วผู้ใช้ iPhone มักจะใส่เคสอยู่เเล้ว ปัญหาเรื่องลอกก็อาจจะยังไม่ชัดนักหรือยิ่งเจอข่าวว่าเครื่องลอกก็ยิ่งทนุ ถนอมใส่เคสกันเข้าไปใหญ่





ทาง Gizmodo ได้ทำการทดสอบภาคสนาม โดยใช้ iPhone 5 เครื่องที่ใส่เคสเเละไม่ใส่เคส ซึ่งผลก็ออกมาตามคาด คือเครื่องที่ใส่เคสนั้นสภาพออกมายังสมบูรณ์ ส่วนเครื่องที่ไม่ใส่เคสเเละใช้งานทั่วๆ ไป เช่น ปรากฏว่าขอบบริเวณของเครื่องนั้นถลอกให้เห็นอย่างชัดเจนจนไม่น่าเชื่อว่าจะ เป็นผลิตภัณฑ์ของ Apple ได้

เอาเป็นว่า iPhone 5 นี้ค่อนข้างจะบอบบางจริงอย่างที่เห็นจากผลการทดสอบ ถ้าใส่เคสเอาไว้ก็ไม่น่าจะมีปัญหาอะไร ว่าเเล้วก็ไปหาเคส iPhone 5 มาขายกันดีกว่ารับรองว่าขายดีกันเเน่นอน


ที่มา : http://itplaza.co.th/update_details.php?type_id=2&news_id=23048&page=1

iPhone 5: โฆษณาใหม่ Windows Phone 8 ย้ำชัดอย่าเสียเงินซื้อ iPhone 5!

iPhone 5 อัพเดทข่าวล่าสุดกับ ป๋าเอก TechXcite ถือได้ว่าเป็นแคมเปญโฆษณาที่ตรงเป้าและมีจุดประสงค์ชัดเจนเหลือเกินกับคลิปโฆษณาชุดล่าสุดของ Windows Phone 8 ที่บอกกันไปโต้งๆเลยว่าอย่าไปเสียเงินซื้อ iPhone 5 เลยเพราะมันสู้ Windows Phone 8 ไม่ได้จริงๆนะเว้ยเฮ้ย!?
ทั้งนี้ในภาพยนตร์โฆษณาที่ป๋านำมาให้ชมกันตรงนี้จะเป็นเรื่องราวของพิธีกรนามว่า Ben ซึ่งจะพยายามไปชักจูงคนเดินถนนทั่วไปให้หันมาใช้งาน Windows Phone 8 แทนที่ iPhone 5 ซึ่งทุกคนบอกเป็นเสียงเดียวกันว่ากำลังรอซื้ออยู่นั่นเอง  


โดยคุณ Ben ก็จะยกเอาข้อดีต่างๆนานาของ Windows Phone 8 ไม่ว่าจะเป็น Live Tiles ใน HTC 8X หรือความสามารถในการถ่ายภาพในที่มืดของ Nokia Lumia 920 มาเป็นจุดขายหลักๆพร้อมทั้งกำชับเป็นมั่นเหมาะว่าอย่าไปซื้อเลย iPhone 5 เสียดายเงิน ก่อนที่จะยกสมาร์ตโฟน Windows Phone 8 ให้กับผู้ที่สนใจรายนั้นไปเลยแบบฟรีๆอีกต่างหาก...ป้าด!!!




บทความโดย: ป๋าเอก TechXcite
ที่มา: http://itplaza.co.th/update_details.php?type_id=2&news_id=23047&page=1


Apple ไล่ผู้บริหารออก เซ่นแอป Maps ห่วย!

ข่าวล่าสุดรายงานว่า Apple ได้เชิญ Richard Willismson ผู้จัดการที่รับผิดชอบด้านการพัฒนาแอปพลิเคชัน Maps บน iOS ออกจากบริษัท ไม่นานหลังจากที่มีข่าวความไม่ได้เรื่องของแอปนี้
     แหล่งข่าวรายงานต่อไปว่า Williamson เป็นผู้จัดการเพียงคนเดียวที่รับผิดชอบการพัฒนาแอปพลิเคชัน Maps และหลังจากข่าวความไม่เอาอ่าวของแอปนี้เป็นที่ประจักษ์นั้น ไม่นานเขาก็ถูก Eddy Cue รองประธานอาวุโสของ Apple เชิญให้ออก ซึ่งนับเป็นผู้บริหารของ Apple รายที่สองที่ต้องสูญเสียตำแหน่งให้กับแอปตัวนี้ โดยรายแรกคือ Scott Forstall ผู้รับผิดชอบระบบปฏิบัติการ iOS ในภาพรวมทั้งหมดที่ออกจาก Apple หลังจากที่ทางบริษัทประกาศปรับผังโครงสร้างผู้บริหารครั้งใหญ่
     ปัจจุบันผู้รับผิดชอบ Maps กับ Siri คือ Eddy Cue โดยแหล่งข่าวกล่าวว่าเขาได้ผลักดันให้คู่ค้าของ Apple ทั้งหมด อาทิ TomTom ให้เร่งแก้ไขข้อผิดพลาดที่เกิดขึ้น ที่น่าสนใจคือขณะเดียวกันคู่แข่งก็ได้ฉวยโอกาสนี้เปิดตัวแอปพลิเคชันแผนที่ เพื่อเป็นทางเลือก อาทิ Nokia ที่ได้เปิดตัวแอป HERE ส่วน Google ก็ีข่าวเป็นระยะว่ากำลังพัฒนาแอปแผนที่ให้กับ iOS ครับ


อ้างอิง : The Verge

ที่มา : http://itplaza.co.th/update_details.php?type_id=2&news_id=23045&page=1

IT: Drop Test เปรียบเทียบ iPhone, iPad กับ Google Nexus ใครอึดกว่ากัน!


IT อัพเดทข่าวล่าสุดกับ ป๋าเอก TechXcite เป็นหนึ่งในคำถามที่หลายคนอยากรู้ (เหรอ?) ว่าอุปกรณ์ในฝั่ง Apple ที่มีทั้ง iPhone, iPad และฝั่ง Google ที่มีตระกูล Nexus เป็นตัวชูโรงว่าใครจะมีระดับความอึดมากกว่ากัน งานนี้ก็แน่นอนว่าตัดสินกันได้ด้วยรูปแบบเดียวที่หลายท่านชื่นชอบนั่นก็คือการ Drop Test ในตำนานนั่นเอง!!!




โดยเว็บไซต์ SquareTrade ได้ทำการทดสอบแบบ Drop Test เพื่อค้นหาว่าผลิตภัณฑ์ของเจ้าไหนจะแข็งแรงทนทานต่อการตกกระแทกจากที่สูงมากกว่ากันระหว่างฝั่ง Apple และ Google ซึ่งความพิเศษในคราวนี้คือถึงขนาดมีการแบ่งแยกประเภทของอุปกรณ์ออกมาชนกันจะๆในรุ่นขนาดเดียวกันเสียด้วย ส่วนคู่ไหนใครจะชนะใครจะแพ้ป๋าว่าไปดูในคลิปด้านบนเลยดีกว่านะ...

รุ่นพิกัด Smartphone: Apple iPhone 5 vs. Google Nexus 4

รุ่นพิกัดแท็บเล็ตหน้าจอ 7 นิ้ว: Apple iPad Mini vs. Google Nexus 7

รุ่นพิกัดแท็บเล็ตหน้าจอ 10 นิ้ว: Apple iPad vs. Google Nexus 10


บทความโดย: ป๋าเอก TechXcite

ที่มา : http://itplaza.co.th/update_details.php?type_id=2&news_id=23044&page=1

[ข่าวลือ] MS ซุ่มทำ Blue อัปเตด Windows ปล่อยทุกปี!?

ข่าวล่าสุดรายงานว่า Microsoft กำลังซุ่มพัฒนา Windows Blue มาตรฐานการอัปเดตใหม่สำหรับ Windows และ Windows Phone โดยมีเป้าหมายเพื่อให้ผู้ใช้หันมาอัปเดตระบบปฏิบัติการใหม่ได้อย่างสะดวกและ เร็วยิ่งขึ้น
     คาดว่าอัปเดต Windows Blue สำหรับ Windows จะออกมาให้เราเห็นในช่วงกลางปีหน้า โดยจะประกอบไปด้วยการเปลี่ยนแปลงด้านอินเทอร์เฟสและราคา แผนของ Microsoft คือทำให้ Windows Blue เป็นระบบปฏิบัติที่ทุกคนติดตัั้ง เพื่อให้เป็นไปตามเป้าประสงค์ดังกล่าวจึงได้มีการลดขั้นตอนต่างๆ ที่ยุ่งยากลง รวมทั้งราคาขายที่จะถูกกว่าหรือปล่อยฟรีไปเลย เมื่อ Windows Blue ปล่อยออกมา Windows SDK ก็จะออกมาตามๆ กันเพื่อรองรับการพัฒนาแอปพลิเคชัน เมื่อถึงขั้นตอนนี้ทางบริษัทก็จะปฏิเสธแอปสำหรับ Windows 8 ที่ส่งเข้ามาตรวจสอบเพื่อเป็นการบังคับให้นักพัฒนาสร้างแอปสำหรับ Blue แต่ทั้งนี้แอปสำหรับ Windows 8 ก็จะยังสามารถรันบน Blue ได้
     สิ่งที่น่าสนใจสำหรับ Windows Blue ก็คือเราจะได้เห็นการอัปเดตใหญ่แบบนี้ในทุกปี เพื่อให้ระบบปฏิบัติการนี้สามารถแข่งกับของ Apple และ Google ได้ครับ

อ้างอิง : The Verge   http://www.i3.in.th

ที่มา : http://itplaza.co.th/update_details.php?type_id=5&news_id=23046&page=1

วันอังคารที่ 27 พฤศจิกายน พ.ศ. 2555

Apollo Plus อัพเดทแรก Windows Phone 8 พร้อมดาวน์โหลดต้นปี 2013!


WP8 อัพเดทข่าวล่าสุดกับ ป๋าเอก TechXcite หลังจากที่ปล่อยให้สาวก Windows Phone 8 ได้สนุกสนานกับสมาร์ตโฟนของตัวเองไม่ว่าจะเป็นแบรนด์ NokiaHTC หรือ Samsung มาได้พักใหญ่ๆก็ถึงเวลาแล้วที่ Microsoft จะเตรียมปล่อยอัพเดทเวอร์ชั่นใหม่ Windows Phone 8 ออกมาให้ทุกท่านได้เตรียมดาวน์โหลดไปใช้งานกันในเร็ววันนี้แล้วจ้า

โดยเว็บไซต์ The Verge รายงานว่า Microsoft กำลังอยู่ในระหว่างการพัฒนาอัพเดทเวอร์ชั่น Windows Phone 8 ตัวใหม่ซึ่งจะใช้ชื่อโค้ดเนมคร่าวๆว่า Apollo Plus ซึ่งจะมีการอัพเดทฟีเจอร์ใหม่ๆให้ Windows Phone 8 รองรับการใช้งานกับ VPN, ปรับปรุงให้ตัวเครื่องต่อกับ WiFi ตลอดเวลา รวมไปจนถึงการปรับแต่งแก้ไขเรื่องของปัญหาด้านเสียงบางส่วนด้วย
ทั้งนี้สำหรับอัพเดทเวอร์ชั่น Apollo Plus ของ Windows Phone 8 จะสามารถอัพเกรดกันได้แบบ OTA โดยมีกำหนดการคร่าวๆอยู่ในช่วงไตรมาสแรกของปี 2013 นี้จ้า :)

บทความโดย: ป๋าเอก TechXcite
ที่มา:http://www.itplaza.co.th/update_details.php?type_id=2&news_id=23058&page=1


Taskone เคส เปลี่ยน iPhone 5 เป็นอาวุธลับแห่งกองทัพสวิสฯ


นอกจากบรรดาแอพที่สามารถเปลี่ยนร่างไอโฟน คุณเป็นเครื่องมือเอนกประสงค์แล้ว คุณฝันอยากให้สมาร์ทโฟนของคุณเป็นผู้ช่วยอะไรในชีวิตจริงอีก  หยิบขึ้นมาตัดหมู ปาดคอโจรยามคับขัน หรือพกเข้าป่าแล้วใช้เป็นมีดเอนกประสงค์เลยไหม?  ฝันของคุณเป็นจริงแล้วหล่ะ ด้วยนี่ Taskone เคส !!

Taskone เคส สามารถเปลี่ยนร่างไอโฟนของคุณเป็นมีดพกสวิสเอนกประสงค์ มันประกอบด้วยใบมีดยาว 2.5 นิ้ว ที่เปิดขวด กรรไกรตัดลวด ไขขวง คีมงัด ไม้บรรทัด และมีดปลอกสายไฟ รวมถึงขายันเครื่อง ทั้งหมดนี้อัดแน่นอยู่ในเคสเอนกประสงค์ Taskone ตัวนี้

และหากคุณคิดว่ามันจะทำให้ไอโฟนคุณหนัก หล่ะก็ ลืมไปได้เลย เพราะวัสดุอะลูมิเนียม + โพลีคาร์บอนเนท ที่ใช้ในเครื่องบิน  เป็นส่วนประกอบสำคัญ จึงทำให้น้ำหนักของมันสุดจะเบาบาง สนนราคาอยู่ที่ $75 ประมาณ 2,300 บาท สำหรับ iPhone 4/4S และไอโฟน 5 เข้าไปดูรายละเอียดได้ที่ indiegogo


Taskone case


2.5″ knife with 0.75″ of serrations
1.8″ Sawblade
Small flathead screwdriver
Large flathead screwdriver
Medium Phillips screwdriver
Needle-nose pliers
Wire cutters
6 metric Allen wrenches
Wire stripper
120mm ruler (110mm on iPhone 4/4s)
Bottle opener
Kickstand


อ้างอิง : idownloadblog
ที่มา : http://www.itplaza.co.th/update_details.php?type_id=5&news_id=23056&page=1

Review: Sony VAIO T13 โน้ตบุ๊คสายพันธุ์ใหม่ ดีไซน์บางเบา เปิดประสบการณ์ใหม่ด้วยหน้าจอสัมผัส!


ติดตามรีวิว Ultrabook: Sony VAIO T13 ที่น่าสนใจกับ เฮียณัฐ TechXcite ด้วยกระแสของระบบปฏิบัติการล่าสุดจาก Microsoft นั่นก็คือ Windows 8 ที่มาแรงเหลือเกิน วัดได้จากงาน Commart Comtech 2012 ครั้งที่ผ่านมา ที่ผู้ผลิตคอมพิวเตอร์ทุกเจ้าที่ร่วมงามต่างพากันนำโน้ตบุ๊คซึ่งพกพานวัตกรรมใหม่ของโน้ตบุ๊คในยุคต่อไปมาโชว์กันแบบไม่ไว้หน้ากัน นั่นก็คือ ต่อไปนี้การป้อนคำสั่งลงในโน้ตบุ๊คจะไม่ได้จำกัดแค่การพิมพ์บนแป้นพิมพ์ หรือการใช้เมาส์อีกต่อไป แต่ได้เพิ่มความสามารถในการรองรับการสัมผัสหน้าจอเข้าไปด้วยครับ

ซึ่งอย่างที่พวกเราทราบกันดีครับว่าระบบปฏิบัติการ Windows 8 นั้นถูกเปลี่ยนคอนเซ็ปต์ให้ผู้ใช้เปิดประสบการณ์ใหม่ เพิ่มการสัมผัสหน้าจอ ดังนั้นวันนี้เฮียณัฐก็ขอตามกระแสครับ จะมารีวิว Untrabook รุ่นใหม่ล่าสุดจาก Sony คือ "Sony VAIO T13" ซึ่งเป็นรุ่นที่เน้นความบางเบา วัสดุที่แรกเห็นก็จะพาลตกหลุมรักเอาง่ายๆ เป็นแมกนีเซียม และอลูมิเนียมหรูหรา เรียกได้ว่าพรีเมี่ยมสุดๆ เอาเป็นว่าพูดแล้วจะหาว่าคุย ไปชมดีไซน์ของ Sony VAIO T13 ได้เลยครับ
ก่อนอื่นเลย เราทีมงาน TechXcite.com ก็ต้องขอขอบคุณทาง Sony ที่ได้ส่ง Sony VAIO T13 มาให้เราได้รีวิวกัน ว่าแล้วก็ไปชมรีวิวกันได้เลยครับ
Design

Sony VAIO T13 มาพร้อมกับงานประกอบค่อนข้างเนี้ยบ เรียบหรูตามบุคลิคของ VAIO มีวัสดุหลักเป็นอลูมิเนียมที่เป็นลายเส้นที่บริเวณฝาด้านบน บริเวณตัวอักษะมีลักษณะมันเงาดึงดูดสายตาผู้พบเห็นได้ดี
บริเวณขอบด้านข้างมีการตัดเหลี่ยม เพิ่มความเฉียบ มีเสน่ห์แบบหรูๆ เหลี่ยมๆ และยังเพิ่มความทนทานด้วยการเสริมขอบด้านข้าง
ที่บริเวณข้อพับของฝาจะมีแท่งคล้ายพลาสติกผสมยางอยู่ ตอนแรกก็สงสัยอยู่ว่ามันมีไว้ใช้ทำอะไร ลองชมภาพถัดไปครับ
ประโยชน์ของเจ้าแท่งดำๆ นี้ เมื่อเปิดฝาพับขึ้นเพื่อใช้งาน เจ้าแท่งนี้จะดันตัวเครื่องขึ้นจากพื้น ทำให้อากาศสามารถไหลเวียนใต้ตัวเครื่องได้ ช่วยให้การระบายความร้อนทำได้ดียิ่งขึ้น บวกกับการที่มีตัวเครื่องเป็นอลูมิเนียมทำให้การระบายความร้อนยิ่งดีเลยครับ
ขอดูใต้เครื่องหน่อยครับว่าเป็นยังไงบ้าง Sony VAIO T13 เห็นงานประกอบเนียนๆ แบบนี้แต่ก็สามารถถอดแบตเตอรี่ได้ไม่ยากนะครับ สามารถใช้เหรียญบาทหมุนหัวน็อตได้เลย 
ช่องระบายความร้อนที่ด้านข้างทำงานประสานกับระบบการถ่ายเทอากาศด้านล่างช่วยลดอุณภูมิตัวเครื่องได้เยอะ
ด้านหน้ามีไฟบอกสถานะต่างๆ ของตัวเครื่อง 
ต่อไปลองมาดูพอร์ตเชื่อมต่อของ Sony VAIO T13 กันดีกว่าครับ เริ่มกันที่ด้านซ้ายของตัวเครื่องก่อนเลย ทางด้านนี้มีช่องเสียบสาย Power, ช่องระบายอากาศ, USB 2.0 หนึ่งช่อง, และ USB 3.0 อีกหนึ่งช่อง


อ้างอิง : TechXcite

ที่มา : http://www.itplaza.co.th/update_details.php?type_id=2&news_id=23057&page=1

Review หูฟังตัวใหม่ของ Genius เรียบเท่ห์ มีสไตล์

วันนี้ missit จะมานำเสนอหูฟังตัวใหม่ล่าสุดของ Genius รุ่น H5-41DF นั่นเอง จากครั้งที่แล้วเราได้นำเสนอ Genius GHP-410F แบบสดใสน่ารักเหมาะกับคุณสุภาพสตรีไปแล้วจำกันได้ไหมเอ่ย? ถ้าใครจำไม่ได้ลองคลิ๊กตาม ลิ้งค์ นี้ได้เลยค่าา  คราวนี้ลองมาดูกันว่าหูฟังตัวนี้เนี่ยมีอะไรที่น่าดึงดูดความสนใจกันบ้าง ^^

ในด้านของดีไซน์ จะดูเรียบด้วยโทนสี ดำ-เหลือง แต่เพิ่มความสะดุดตาด้วยลวดลายกราฟฟิคบนหูฟังทั้ง 2 ข้าง จุดเด่นของ Genius ยังคงเดิมที่หูฟังสามารถหมุนได้ 90 องศา
 
ส่วนลูกเล่นที่เพิ่มเข้ามาคือ มีหัวแจ็คสำหรับใช้ไมโครโฟน สามารถต่อเข้าได้กับคอมพิวเตอร์และโน็ตบุค สะดวกสบาย เวลาแชทกับเพื่อนหรือคุยงาน โดยไม่ต้องหาซื้อไมโครโฟนแยกเพื่อใช้งาน ประหยัดเงินในกระเป๋าอีกด้วยนะเนี่ย ^^
 เรามาดูสเป็คของเจ้าหูฟัง Genius H5-41DF กันเลย
Headset
- Sensitivity : 102dB+/-3dB
- Frequency Response : 20Hz~20KHz
- Driver Unit : 40mm
- Impedance : 32ohm
- Driver Unit : Neodymium driver
- Cable Length : Two meters
Microphone
- Type : Omni-directional microphone
- Sensitivity : -56dB+/-3dB
- Frequency Response : 100Hz~10KHz
- Impedance : 2.2kohm / 2VDC
สรุป
ข้อดี    – เวลาเก็บสามารถพับเก็บได้ง่าย ประหยัดพื้นที่ในกระเป๋า
        - น้ำหนักของหูฟังค่อนข้างเบา
        - เบ้าของหูฟังบุนวมทำให้ฟังเลพงสบาย ไม่เจ็บหรือปวดหู
        - มีไมค์ในตัวเหมือนซื้อหูฟังแล้วได้ของแถมเป็นไมโครโฟน
        - ด้วยดีไซน์และโทนสีเหมาะกับผู้ชายและวัยรุ่นมากๆ
ข้อสังเกต – สายของหูฟังน่าจะทำให้แยกกับตัวหูฟังได้เพราะเวลาเก็บค่อนข้างยุ่งยาก
       - เสียงของเบสดังกว่าเสียงร้อง แต่ถ้าใครที่ชอบให้เสียงเบสหนักๆรับรองว่าหูฟังนี้จะไม่ทำให้คุณผิดหวังค่ะ

 ระดับความน่าฟาดของเจ้า หูฟังตัวใหม่ของ Genius
1. Design : 1+1 = 2
2. Performance : 1+1 = 2
3. Special Feature : 2+2 =4
4. OS/Software : 0+0 = 0
5. Value = 1+1 = 2

อ้างอิง : techxcite
ที่มา : http://www.itplaza.co.th/update_details.php?type_id=5&news_id=23059&page=1

วันจันทร์ที่ 26 พฤศจิกายน พ.ศ. 2555

Galaxy Note II ทำยอดขายทะลุ 5 ล้านเครื่อง!

      เมื่อต้นเดือนที่ผ่านมา Samsung ได้ประกาศว่า Galaxy Note II สามารถทำยอดขายได้ 3 ล้านเครื่องภายในระยะเวลาเพียง 37 วัน และเมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมาทางบริษัทก็ออกมาประกาศว่าอุปกรณ์รุ่นนี้สามารถ ทำยอดขายได้แล้วกว่า 5 ล้านเครื่อง นับเป็นความสำเร็จอย่างสูงสำหรับอุปกรณ์กึ่งสมาร์ทโฟนกึ่งแท็บเล็ตตัวนี้ แต่น่าสนใจที่ว่า Samsung ไม่ได้มีการประกาศว่าตัวเลขนี้เป็นยอดที่จัดส่งให้กับร้านค้าปลีกหรือยอดที่ ผู้บริโภคซื้อไปจริงๆครับ
     ผู้ที่เป็นเจ้าของ Note II ลองมาแชร์ความรู้สึกกันนะครับว่าใช้แล้วเป็นอย่างไรบ้าง

ที่มา: http://www.itplaza.co.th/update_details.php?type_id=2&news_id=23035&page=1

[ข่าวลือ] MS ปล่อย WP7.8 พุธนี้!?

หลังจากที่ปล่อย Windows Phone 8 ออกมาแล้ว ก็ถึงคราว Windows Phone 7.8 ออกโรงบ้าง โดยข่าวล่าสุดรายงานว่า Microsoft อาจปล่อยระบบปฏิบัติการดังกล่าววันที่ 28 พฤศจิกายนนี้
     จุดเด่นของ Windows Phone 7.8 คือมีการนำคุณสมบัติของ WP8 มารวมไว้ ทำให้ผู้ใช้สมาร์ทโฟนรุ่นเก่าที่ไม่สามารถลง WP8 สามารถสัมผัสกับลูกเล่นใหม่ๆ ได้ อาทิ Start Screen ใหม่, Bing-based lock screen ฯลฯ
     Microsoft เปิดเผยข้อมูลเกี่ยวกับ WP 7.8 ครั้งแรกเมื่อเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา แต่ข่าวค่อนข้างเงียบเพราะดูเหมือนว่าบริษัทจะให้ความสำคัญกับ WP8 ซะทั้งหมด แต่ช่วงที่ผ่านมาก็เริ่มมีข่าวเกี่ยวกับระบบปฏิบัติการตัวนี้ออกมาบ้าง รวมทั้งที่ระบุว่าได้เข้าสู่ขั้นตอน RTM development เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมาด้วย
     วันที่ 28 นี้ Microsoft จะจัดงานพบปะผู้ถือหุ้นบริษัทที่เมือง Redmond รัฐวอชิงตัน ก็อาจเป็นไปได้ว่าเราจะได้เห็น WP7.8 เปิดตัวในงานครับ

ที่มา : http://www.itplaza.co.th/update_details.php?type_id=2&news_id=23032&page=1

โมโต "RAZR Maxx HD" ทุบสถิติแบตอึดเหนือ iPhone 3 เท่า !!

ปัญหาอย่างนึงของผู้ใช้สมาร์ทโฟน(เกือบ)ทุกรุ่นก็คือ "แบตหมดไว" สิ่งเหล่านี้ไม่ใช่ปัญหาสำหรับ "Droid RAZR Maxx HD" จาก Motorola ครับ จากการทดสอบของเว็บไซต์ AllthingsD พบว่าสามารถคุยได้นานถึง 22 ชั่วโมงติดต่อกัน โดยที่เปิด WiFi ทิ้งไว้ด้วย (iPhone 5 - 8 ชั่วโมง, Galaxy S III - 17 ชั่วโมง) , เล่นวิดิโอ HD นานถึง 13 ชั่วโมง จนกระทั่งแบตเหลือ 15% และใช้งานทั่วไป (Mixed Use) ผ่านเครือข่าย 4G LTE เต็มวันโดยไม่ต้องชาร์จ ขณะที่ "iPhone 5" ใช้งานได้ราวๆ 9-12 ชั่วโมงด้วยกัน

ด้านเวลา Standby ขอบอกว่า "Droid RAZR Maxx HD" เปิดทิ้งไว้ได้นานสูงสุดที่ 770 ชั่วโมง ส่วน Galaxy S III, iPhone 5 ได้ 372, 225 ชั่วโมงตามลำดับ เห็นแบบนี้แล้ว อยากได้มาใช้สักเครื่องมั้ยล่ะครับ อิอิ :)

 
ปล. RAZR Maxx รุ่นแรกปัจจุบันขายในราคา 12,900 บาท
 
 
ที่มา : http://www.itplaza.co.th/update_details.php?type_id=5&news_id=23040&page=1

Google Glass พร้อมวางจำหน่ายปี 2014

ตอนนี้หลายคนคงคุ้นเคยกับ Google Glass แว่นตาไฮเทคที่สามารถแสดงผลข้อมูลในรูปแบบ augemented reality กันมาพอสมควรแล้ว แน่นอนว่าใครเห็นก็อยากได้ แต่กว่าจะถึงวันนั้นก็อาจต้องรออีกกว่าสองปี!
     ข่าวล่าสุดจากนิตยสาร Time ระบุว่า กว่า Google Glass จะพร้อมเข้าสู่ตลาดผู้บริโภคทั่วไปก็คงเป็น ค.ศ. 2014 ขณะที่เวอร์ชันสำหรับผู้พัฒนาซอฟแวร์อาจจะออกมาก่อนใน ค.ศ. 2013 ด้านแอปพลิเคชันเป้าหมายของอุปกรณ์ตัวนี้ก็มีรายงานว่าจะเป็นประเภทถ่ายภาพ ตรวจสอบนัดหมาย แผนที่ และเช็คอีเมล เป็นต้น
     แหล่งข่าวให้ความเห็นว่า Google Glass ก็คงต้องเผชิญกับความท้าทายไม่ใช่น้อย เริ่มจากอินเทอร์เฟสที่ไม่มีทั้งคีย์บอร์ดและหน้าจอระบบสัมผัส การใช้วิธีสั่งการด้วยเสียงอย่างเดียวก็ยังคงมีความไม่แน่นอนสูงและไม่ สามารถใช้งานได้ทุกที่ โดยเฉพาะที่สาธารณะ นอกจากนั้นยังต้องมีเทคโนโลยีร่วมอื่นที่ยังรอการพัฒนาให้เหมาะสม ไม่ว่าจะเป็น การแสดงผล แบตเตอรี่ โปรเซสเซอร์ และหน่วยความจำ เป็นต้น
     พุดง่ายๆ ก็คือ Google ยังคงต้องทำการบ้านอีกเยอะครับ

ที่มา: http://www.itplaza.co.th/update_details.php?type_id=5&news_id=23038&page=1

วันพฤหัสบดีที่ 22 พฤศจิกายน พ.ศ. 2555

“เอซุส” “Good Price” ราคาโน้ตบุ๊ก-แท็บเลต สุดยั่วยวน

ควันหลงงาน “คอมมาร์ต คอมเทค ไทยแลนด์ 2012” บริษัท อัสซุสเทค คอมพิวเตอร์ (ประเทศไทย) จำกัด จัดหนักต่อเนื่อง กระหน่ำลดราคาโน๊ตบุ๊ก-แท็บเลต เพื่อเอาใจสาวก “เอซุส” ที่ยังช้อปกันแบบไม่จุใจ หวังกระตุ้นยอดขายส่งท้ายปี


สาวก “เอซุส” มีเฮ!! กับราคาโน๊ตบุ๊ก “Zenbook” รุ่น UX31E-RY003V ที่มาพร้อมกับตัวเครื่องหรูหรา บางเฉียบเพียง 3 มิลลิเมตร หน่วยประมวลผล Intel® Core™ processors ที่มาพร้อม USB 3.0 ซึ่งเป็นมาตรฐานเพิ่มความเร็วในการโอนถ่ายข้อมูลได้เร็วกว่า USB 2.0 ถึง 10 เท่า ส่วนแบตเตอรี่ใช้งานได้ต่อเนื่อง 7 ชั่วโมง (ขึ้นอยู่กับลักษณะการใช้งาน) พร้อมป้องกันการสูญเสียข้อมูลในช่วงสแตนบายอีกด้วย กับ ราคา 26,900 บาท (รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม) จากราคาปกติ 30,900 บาท
พลาดไม่ได้กับ “N series” รุ่น N46VM-V3055V ระดับไฮเอนด์ พร้อม 5 สุดยอดเทคโนโลยีของการเล่นมัลติมีเดีย ไม่ว่าจะเป็นคุณภาพเสียงระดับพรีเมี่ยมของเทคโนโลยี “โซนิก มาสเตอร์” (Sonic Master) ขับเคลื่อนด้วยหน่วยประมวลผล Intel® Core™ เจนเนอเรชั่นที่ 3 ของไอวี่ บริดจ์ มาพร้อม “อินสแตนท์ ออน” สามารถรีซูมระบบได้ภายใน 2 วินาที และการันตีความสวยงามด้วยรางวัล Reddot 2012 Design Award พร้อมตอบสนองการใช้งานด้านอื่นๆ เช่น เล่นเกม ท่องเว็บไซต์ หรือการตัดต่อวีดีโอและภาพยนตร์ได้อย่างมืออาชีพ ประสิทธิภาพแรงเกินตัวใน ราคาเพียง 21,900 บาท (รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม) จากราคาปกติ 24,990 บาท
สำหรับคนอินเทรนด์ต้องลอง “Padfone” ที่รวมเอาแท็บเลตขนาดหน้าจอ 10.1 นิ้ว และสมาร์ทโฟนขนาด 4.3 นิ้ว ไว้ในเครื่องเดียว บนระบบปฏิบัติการแอนดรอยด์ 4.0 (Ice Cream Sandwich) พร้อมหน่วยประมวลผล Qualcomm Snapdragon S4 Dual-Core 1.5 GHz ความจุ 16GB ควงคู่มากับ “Padfone Station” 

พร้อมปากกา Stylus Bluetooth ที่นอกจากไว้เขียนบนหน้าจอแล้ว สามารถใช้รับสาย-โทรออกได้ (เหมาะเวลาใช้งานในโหมดแท็บเล็ต แบบไม่ต้องยกมาแนบหู หรือถอดตัวสมาร์ทโฟนออกมาคุย) แบตเตอรี่แพดโฟนและแพดโฟนสเตชั่นใช้งานได้นานถึง 63 ชั่วโมง ราคา 22,900 บาท (รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม) จากราคาปกติ 24,900 บาท
อย่าพลาด!! สินค้ามีจำนวนจำกัด สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ เอซุส คอลเซ็นเตอร์ 02-401-1717 เว็บไซต์ www.asus.co.th
หรือสอบถามได้ที่ www.facebook.com/asusthailand และร้านค้าตัวแทนจำหน่ายเอซุสทั่วประเทศ