Safe Mode หรือ โหมดความปลอดภัย บนสมาร์ทโฟน Android คืออะไร ไปโดนอะไรถึงขึ้นมา !?

Tip : Safe Mode หรือ โหมดความปลอดภัย บนสมาร์ทโฟน Android คืออะไร ไปโดนอะไรถึงขึ้นมา !? เชื่อว่าหลายๆคนคงจะเคยเข้าใช้งานโหมด Safe Mode บนคอมพิวเตอร์มาไม่มากก็น้อย แต่รู้หรือไม่ สำหรับบน สมาร์ทโฟน Android แล้วก็มี Safe Mode ด้วยเช่นกัน ซึ่งบางท่านอาจจะเคยเผลอไปกดปุ่มอะไรเข้าแล้วก็ไปเข้า Safe Mode ขึ้นมาโดยไม่รู้ตัวซะงั้น วันนี้เรามีคำตอบว่าทำไมถึงเข้าสู่ Safe Mode แล้วไอ้เจ้า Safe Mode บนมือถือ Android เนี่ยมันเอาไว้ทำอะไร Safe Mode คืออะไร เอาไว้ทำอะไร ? หากพูดถึง Safe Mode บนคอมพิวเตอร์ระบบปฏิบัติการ Windows ทั่วๆไปเราคงจะรู้ว่ามันเอาไว้ใช้งานเวลาเครื่องมีปัญหา ไม่ว่าจะเป็นตอนที่บูธเข้าตัว Windows ไม่ได้หรือเวลาพบปัญหาอื่นๆ โดยการกดปุ่ม F8 รัวๆตอนเปิดเครื่อง ซึ่งบนระบบ Android ก็คล้ายๆกันครับ คือเอาไว้แก้ปัญหาเวลาเราลงแอปบางอย่างแล้วเกิดปัญหากับระบบ ซึ่งหากเราเข้ามาสู่ Safe Mode จะมีคำว่า Safe Mode หรือถ้าใช้ภาษาไทยก็จะขึ้นว่า โหมดความปลอดภัยอยู่ตรงมุมซ้ายล่างของหน้าจอ ซึ่งพวกแอปต่างๆที่โชว์อยู่ในเครื่องเราตอนนี้ก็จะพบว่ามีแค่แอปตั้งต้นเท่านั้น (แอปที่โหลดมาเพิ่มเติมต่างๆจะไม่โชว์ขึ้นมาเลย) เป็นแบบในภาพด้านบน แต่ไม่ต้องตกใจว่าโดนลบออกไปหมดหรืออย่างไร ตัวแอปที่ลงไว้ยังอยู่ครับ เพียงแต่เราจะไม่สามารถรันแอปได้แต่ยังสามารถแก้ไขหรือถอนการติดตั้งได้ ซึ่งตรงนี้ก็จะมีประโยชน์เวลาที่เราดันเผลอไปติดตั้งแอปที่ไม่พึงประสงค์แล้วเกิดอาการเครื่องค้าง เครื่องรวนไปเลย ก็ยังสามารถเข้า Safe Mode เพื่อถอนการติดตั้งแอปเหล่านั้นออกไปได้อยู่ไงล่ะครับ :D แล้วทำไมอยู่ๆถึงขึ้นว่า Safe Mode ? ก่อนอื่นเรามารู้วิธีการเข้า Safe Mode หรือโหมดความปลอดภัยกันก่อน วิธีการเข้า SafeMode จริงๆก่อนอื่นเราต้องปิดเครื่องให้สนิทก่อน จากนั้นเปิดเครื่องและสำหรับเครื่องที่มีปุ่ม Menu (ปุ่มสัมผัสซ้ายสุด) ติดต่อกันหลายๆรอบ (คล้ายๆกับกด F8 บนคอมฯ) หรือสำหรับเครื่องที่ไม่มีปุ่ม Menu ให้ใช้การกดปุ่มลดเสียงค้างไว้ ขณะที่เครื่องกำลังจะบูธเข้าตัว Android หรืออย่างบางรุ่นก็เพียงแตะค้างที่ปุ่มปิดเครื่องก็ได้ครับง่ายๆ (ตามในภาพ) ซึ่งตรงนี้บางคนอาจจะไปแตะโดนหรือกดโดนโดยไม่ตั้งใจจนเข้า Safe Mode ไปนั่นเอง ทำให้หลายคนที่ไม่ทราบก็อาจจะตกใจกันยกใหญ่ว่าทำไมต้องโหมดความปลอดภัย , Safe Mode นี่มันอะไรครัช !!? พอทราบแบบนี้แล้วก็ไม่ต้องตกใจไปครับ วิธีการออกจาก Safe Mode ก็ง่ายๆครับ เพียงแค่ Restart เครื่องสักครั้ง เท่านี้ก็จะเข้าสู่โหมดการใช้งานแบบปกติแล้ว แต่ถ้า Restart แล้วยังไม่เข้าสู่โหมดปกติ ก็คงต้องลองปิดเครื่องทิ้งไว้สักครู่ (ถ้ามือถือที่ถอดแบตได้ก็ลองแกะออกมาทิ้งไว้สักพักแล้วลองใส่เข้าไปเปิดเครื่องใหม่อีกครั้งดูครับ) ^^" หรือสมาร์ทโฟนตัวใหม่ๆก็จะมีปุ่ม Turn off Safe Mode ไว้ให้เลยบนแถบแจ้งเตือนด้านบน กดปุ๊บเครื่องก็Restart ให้เองเลย ทั้งนี้หลังจากเข้าโหมดมาแล้ว พอ Restart เครื่องมาใหม่แล้วการตั้งค่าบางอย่างจะกลับไปเป็นค่าเริ่มต้น อาทิ คีย์บอร์ด , หรือการล็อกอินพวก Social Network บางอย่างก็จะต้องล็อกอินใหม่ด้วยนะครับ ก็เอาเป็นว่าถ้าไม่อยากจะเข้าไปใน Safe Mode หรือโหมดความปลอดภัยนี้ก็ระวังอย่าเผลอไปกดปุ่ม Menu หรือลดเสียงค้างไว้ตอนเปิดเครื่องล่ะครับ :D บทความโดย : เฮียแม๊พ TechXcite ขอบคุณ : www.techxcite.com http://www.itplaza.co.th/update_details.php?type_id=2&news_id=43068&page=1

Qualcomm คอนเฟิร์ม HTC One M9 ใช้ชิปเซ็ต Snapdragon 810 แน่นอน!

Android อัพเดทข่าวล่าสุดกับ ป๋าเอก TechXcite แม้หลายๆคนจะพอเดากันได้ว่า HTC One M9 สมาร์ตโฟนเรือธงรุ่นต่อไปจากค่าย HTC นั้นก็น่าจะมาพร้อมกับชิปเซ็ตรุ่นล่าสุดอย่าง Snapdragon 810 แน่ๆ (เพราะหลายๆแบรนด์ก็เริ่มทยอยใช้แล้ว) แต่เพื่อให้เรื่องดังกล่าวมีความน่าเชื่อถือมากขึ้น ล่าสุดทางด้านของ Qualcommได้ปล่อยคลิปวิดีโอสั้นๆผ่าน Vine ที่เหมือนจะการันตีแล้วว่าเราจะได้เห็น Snapdragon 810 บน HTC One M9 อย่างแน่นอนครับ โดยในคลิปวิดีโอขนาดสั้นดังกล่าวจาก Qualcomm นั้นบอกเอาไว้แค่ว่า “ถึงเวลาของสมาร์ตโฟน #Snapdragon810 รุ่นใหม่แล้ว เจอกันในงาน #MWC15” ("It’s almost time for a new #Snapdragon 810 powered smartphone. #MWC15”) พร้อมกับภาพพื้นหลังเป็นสมาร์ตโฟนในเงามืดสีดำที่ดูจากรูปทรงแล้วน่าจะเป็น HTC One M9 เป็นอย่างยิ่ง เท่านั้นยังไม่พอนาฬิกาในคลิปวิดีโอดังกล่าวยังเปลี่ยนเวลาจาก 8:10 มาเป็น 10:08 และ 10:09 แบบเฉียบพลัน ที่ดูแล้วน่าจะหมายถึงชิปเซ็ต Snapdragon 810บนสมาร์ตโฟนรุ่นใหม่ที่อัพเกรดมาจาก HTC One M8 นั่นก็คือ HTC One M9 นั่นเอง ทั้งนี้สำหรับสเปคคร่าวๆของ HTC One M9 ที่ร่ำลือ (จนถึงขั้นหลุดเต็มๆ) มาโดยตลอดหากไม่นับเรื่องที่จะใช้ชิปSnapdragon 810 แล้วก็มีทั้งว่าตัวเครื่องจะมาพร้อมกับหน้าจอ 5 นิ้ว Full HD, 3GB RAM, ความจุ 32GB, ระบบปฏิบัติการ Android 5.0.2 Lollipop, กล้องหน้า 4 ล้านพิกเซลแบบ UltraPixel, กล้องหลัง 20 ล้านพิกเซล และแบตเตอรี่ในเครื่อง 2,900 mAh ซึ่งทั้งหมดที่ว่ามาต้องรอลุ้นกันในงานเปิดตัว HTC One M9 วันที่ 1 มีนาคมนี้อีกทีจ้า :D บทความโดย : ป๋าเอก TechXcite  ที่มา : phonearena ขอบคุณ : www.techxcite.com http://www.itplaza.co.th/update_details.php?type_id=2&news_id=43067&page=1

มาดูฝั่งแท็บเล็ตกันบ้าง ชมคลิปพรีวิว Android 5.0.2 Lollipop สำหรับ Galaxy Tab S series !! (มีคลิป)

หลังจากที่ทางฝั่งของสมาร์ทโฟนเรือธงอย่าง Samsung Galaxy S5 เริ่มได้รับอัพเดทเป็น Android Lollipop กันไปบ้างแล้ว คราวนี้ก็น่าจะถึงคราวของแท็บเล็ตเรือธงอย่าง Galaxy Tab S Series กันบ้างแล้ว ซึ่งล่าสุดทาง Sammobile ก็ได้โพสคลิปพรีวิวคร่าวๆของรอม Android 5.0.2 Lollipop บน Galaxy Tab S ทั้ง 2 รุ่น (Tab S 8.4 และ Tab S 10.5) โดยรวมแล้วก็ถือว่ามีการปรับเปลี่ยนโทนสีของ UI ให้สว่างขึ้น และดูเรียบลงไปอีกนิด เพิ่มอนิเมชั่นแบบ Material Design เข้าไป เอาเป็นว่าลองไปชมจากในคลิปด้านล่างนี้กันเลยดีกว่าฮะ ^^" 3:48 Exclusive Preview - Android 5.0.2 Lollipop on Samsung Galaxy Tab S series โดย SamMobiles 6 ชั่วโมงที่ผ่านมา   ดู 2,461 ครั้ง www.sammobile.com. ใหม่   HD ทั้งนี้ในเรื่องการอัพเดท Android Lollipop ของ Galaxy Tab S นั้นยังไม่มีกำหนดวันที่แน่นอนออกมา แต่ก็คาดว่าเร็วๆนี้คงจะได้เริ่มอัพเดทกันแล้วล่ะฮะ :D ที่มา : Sammobile ขอบคุณ : www.techxcite.com http://www.itplaza.co.th/update_details.php?type_id=2&news_id=43066&page=1

นาฬิกาเดินทน 1 พันล้านปี

คณะนักวิจัยมหาวิทยาลัยโตเกียวของญี่ปุ่น ได้ประดิษฐ์นาฬิกาเรือนหนึ่ง ซึ่งพวกเขาประกาศว่า ไม่มีนาฬิกาเรือนไหนที่จะเดินได้เที่ยงตรงยิ่งไปกว่านี้ เพราะในเวลาหนึ่งพันล้านปี จะเดินคลาดเคลื่อนแค่เพียงวินาทีเดียวเท่านั้น พวกเขาแจ้งว่า นาฬิกาซึ่งทำงานภายใต้ระบบความเย็นยิ่งยวดนี้ มีหน้าตาจะไม่งามนัก ดูเหมือนกับหน้าจอคอมพิวเตอร์ขนาดยักษ์ที่โดนถอดรื้อเอาบางส่วนออกมากกว่า แต่มันเดินเที่ยงตรงอย่างยิ่ง จนไม่มีเทคโนโลยีอันใดในปัจจุบันที่จะวัดมันได้ ศาสตราจารย์ฮิเดกิ คาโตริ หัวหน้าคณะ ชี้แจงว่า เทคโนโลยีของเรือนนี้ วิเศษยิ่งกว่านาฬิกาปรมาณูซึ่งใช้ในการวัด “วินาที” อยู่ในปัจจุบันเสียอีก ประกอบด้วยกลไกอันซับซ้อน ซึ่งต้องทำงานอยู่ภายใต้อุณหภูมิต่ำ ขนาดใต้ขีดศูนย์องศาเซลเซียส 180 องศา เพื่อป้องกันความรบกวนจากคลื่นไฟฟ้าแม่เหล็กและเพื่อรักษาความเที่ยงตรง. ขอบคุณ thairath.co.th http://www.itplaza.co.th/update_details.php?type_id=5&news_id=43070&page=1

Tim Cook ยืนยัน Apple Watch ใส่อาบน้ำได้แต่เสียบชาร์จทุกวัน!

Gadget อัพเดทข่าวล่าสุดกับ ป๋าเอก TechXcite ข่าวนี้น่าจะช่วยเพิ่มข้อมูลเกี่ยวกับ Apple Watch ว่าที่นาฬิกาข้อมือรุ่นแรกจากแบรนด์ Apple ที่ยังไม่ออกวางจำหน่ายสักทีได้บ้างไม่มากก็น้อย หลังจากที่เว็บไซต์ iGenในประเทศฝรั่งเศสรายงานข่าวว่า Tim Cook บิ๊กบอส Apple คนปัจจุบันได้ไปคุยกับพนักงานในร้าน Apple Store สาขากรุง Berlin มาว่าตัวเขาเองนั้นใส่ Apple Watch อยู่ตลอดเวลาไม่เว้นแม้กระทั่งตอนอาบน้ำ เป็นการการันตีว่า Apple Watch สามารถกันน้ำ (อย่างน้อยก็กันน้ำสาดหรือ Splash-Resistant) ได้ในระดับหนึ่งละครับ อย่างไรก็ตามในส่วนของอายุการใช้งานแบตเตอรี่ต่อรอบการชาร์จของ Apple Watch นั้นทำท่าว่า Tim Cookเองก็ยังแก้ปัญหาดังกล่าวไม่ได้เหมือนกันเพราะเขาได้บอกกับเหล่าลูกน้องของตัวเองว่าทุกวันนี้เขายังต้องถอดนาฬิกาApple Watch ออกมาชาร์จตอนก่อนนอนทุกคืนอยู่เลย เป็นอันดับความฝันเสียสนิทสำหรับคนที่อยากจะใช้งานApple Watch ได้แบบยาวๆโดยไม่ต้องเสียบชาร์จฮะ... แต่เหนือสิ่งอื่นใดก็คือสุดท้ายแล้วเราก็คงต้องมาลองสัมผัสตัวจริงของ Apple Watch เมื่อออกวางจำหน่ายในเดือนเมษายนนี้นั่นละครับว่าจะเจ๋งแจ่มแจ๋วได้ขนาดไหนครับ :3 บทความโดย : ป๋าเอก TechXcite  ที่มา : 9to5ma ขอบคุณ : www.techxcite.com http://www.itplaza.co.th/update_details.php?type_id=5&news_id=43069&page=1

15 เหตุผลที่ว่ากันว่ามือถือ Android ดี๊ดีกว่า iPhone

เพิ่งจะปั่นบทความว่าด้วย 9 เหตุผลที่ว่ากันว่า iPhone ดีกว่ามือถือ Android จริงจริ๊ง !! ไปเมื่อเช้านี้ (5 กุมภาพันธ์ 2558) แต่เพื่อไม่ให้ Android น้อยหน้า จึงขอหยิบอีกหนึ่งประเด็นจากเว็บไซต์ Business Insiderด้วย “15 เหตุผลที่ว่ากันว่ามือถือ Android ดี๊ดีกว่า iPhone !! ” มาลองดูกันซิว่าเหตุผลที่นำมาแย้งนั้นจะเป็นอย่างไร ไปติดตามกันครับ  1. เติมพื้นที่เก็บข้อมูลด้วย micro SD แม้ iPhone พี่แกจะจัดสรรปันส่วนพื้นที่เก็บข้อมูลมาเป็นอย่างดี แต่สำหรับผู้ที่ชอบโหลดแอพฯ เยอะๆ มีไฟล์หนังไว้ดูยามว่างแบบ 24 ชั่วโมง พื้นที่เก็บข้อมูลในเครื่อง iPhone อาจไม่เพียงพอ ถ้าหันมาใช้มือถือ Android ส่วนใหญ่จะสนับสนุนให้ผู้ใช้สามารถเพิ่มพื้นที่เก็บข้อมูลได้ด้วย microSD Card ซึ่ง iPhone ไม่มีนะจ๊ะ ! 2. แบตเตอรี่ถอดเปลี่ยนได้ แบตเตอรี่ย่อมมีอายุการใช้งานของมัน ซึ่งหากผู้ใช้ยังพอใจกับมือถือ Android ที่ใช้อยู่ แม้มันจะตกรุ่นไปแล้วก็ยังสามารถถอดเปลี่ยนแบตเตอรี่ เพื่อการใช้งานได้หลายชั่วโมงเหมือนช่วงซื้อเครื่องมาใหม่ๆ หรือในบางกรณีที่้เชื่อว่าผู้ใช้หลายท่านน่าจะเคยทำในเวลาที่มือถือ Android ค้างไปดื้อๆ ไม่รู้จะทำอย่างไร ก็ใช้วิธีถอด-ใส่แบตและเปิดเครื่องใหม่ซะเลย (แต่แนะนำว่าวิธีนี้ไม่ควรทำนะครับ ! ) 3. มือถือ Android ใช้เป็นรีโมททีวีได้ มือถือ Android หลายแบรนด์ในปัจจุบันมักใส่ฟีเจอร์การใช้เป็นรีโมททีวีได้ ซึ่งในกรณีที่หารีโมททีวีไม่เจอ การใช้มือถือ Android แทนก็นับเป็นทางเลือกที่ช่วยแก้ปัญหาได้ แต่อาจใช้กับทีวีได้บางรุ่นเท่านั้น 4. แยกโฟลเดอร์ภาพให้โดยอัตโนมัติ ข้อดีที่หลายท่านน่าจะชื่นชอบในกรณีดาวน์โหลดรูปภาพมาจากแหล่งต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น LINE, Google, Twitter, IG หรือแม้กระทั่งภาพ Screenshot ในระบบ Android จะทำการตั้งโฟลเดอร์ภาพขึ้นมาโดยอัตโนมัติ เพื่อให้ผู้ใช้สามารถค้นหาภาพในแกลอรี่ได้อย่างสะดวก 5. มือถือ Android จะลงเพลงหรือคัดลอกไฟล์ภาพลงคอมพิวเตอร์ก็ทำได้ง่ายๆ เป็นอีกหนึ่งเรื่องง่ายสำหรับผู้ใช้มือถือ Android ที่ต้องการนำเพลงจากในคอมพิวเตอร์หรือคัดลอกภาพในมือถือมาเก็บไว้ใน คอมพิวเตอร์ เพียงเสียบ USB เข้ากับมือถือและคอมพิวเตอร์ก็สามารถลากและวางไฟล์ต่างๆ ได้ง่ายๆแล้ว ผิดกับ iPhone ที่ต้องพึ่งพา iTunes 6. micro-USB สายเดียวใช้ได้กับมือถือ Android ได้เพียบ ต่อให้มือถือ Android จะมีความหลากหลายของแบรนด์และรุ่น แต่ข้อดีในปัจจุบันอย่างหนึ่งคือการใช้สาย micro-USB สามารถใช้ร่วมกับมือถือ Android ได้เป็นจำนวนมาก 7. ติดตั้งแอพฯ ลงมือถือ Android ได้จากหน้าเว็บบราวเซอร์ หากยูสเซอร์และพาสเวิร์ดของ Google ที่ใช้ในเครื่องคอมพิวเตอร์เป็นอันเดียวกับที่ใช้ในมือถือ Android ท่านสามารถเปิดหน้าเพจ Google Play Stroe จากคอมพิวเตอร์และทำการติดตั้งแอพฯ ลงในมือถือ Android ได้ 8. สร้างแอคเคาท์เพิ่มได้ ในกรณีที่มีผู้ใช้มือถือหลายคน ในกรณีที่มือถือ Android มีลูกๆ ของคุณหยิบไปเล่นบ่อยๆ คุณสามารถตั้งแอคเคาท์เพิ่มเพื่อแยกออกจากแอคเคาท์หลักได้ เพื่อป้องกันการเข้าถึงแอพฯ บางประเภท หรืออาจใช้ป้องกันข้อมูลส่วนตัวที่คุณอาจไม่ต้องการให้ใครล่วงรู้ได้  9. Google Maps ยังเหนือว่า Apple Maps ต้องยอมรับว่า Google Maps กลายเป็นแผนที่นำทางที่ได้รับความนิยมมากจากผู้ใช้มือถือ Android หรือแม้กระทั่งในผู้ใช้ iPhone บางส่วนด้วย จากการพัฒนาระบบแผนที่อย่างต่อเนื่องทำให้เกิดความคลาดเคลื่อนในการนำทาง ค่อนข้างน้อย ตลอดจนมีคุณสมบัติของการรายงานสภาพการจราจรในแต่ละเส้นทางที่คุณต้องการเดิน ทาง แม้ Apple จะมีระบบแผนที่นำทางที่เรียกว่า Apple Maps แต่คุณสมบัติด้านการใช้งานที่ครอบคลุมดังเช่น Google Maps ยังนับว่าเป็นรองอยู่พอสมควร 10. ล็อคหน้าจอมือถือ Android ด้วยการลากจุดต่อจุด ในข้อนี้อาจเป็นเรื่องยากที่จะบอกว่าระบบการล็อคหน้าจอของมือถือ Androdi กับ iPhone ของใครเจ๋งกว่ากัน เพราะมือถือ Android สามารถล็อคหน้าจอด้วยการใส่รหัสที่ใช้การลากจุดต่อจุดก่อนเข้าถึงหน้าโฮมสกรีน ส่วนiPhone 5s/ 6/ 6 Plus มีสแกนลายนิ้วมือหรือ Touch ID ซึ่งนับว่าเป็นคุณสมบัติเพื่อความปลอดภัยที่มีดีแตกต่างกัน 11. ปรับแต่งหน้าจอไม่รู้เบื่อด้วยวิตเจ็ตและ Launcher   เหล่าผู้ใช้ iPhone อาจอิจฉาตาร้อนกันบ้าง ในเมื่อทำได้แค่เปลี่ยนพื้นหลังของโฮมสกรีนและล็อคสกรีน แต่มือถือ Android สามารถเพิ่มลูกเล่นบนหน้าจอด้วยวิตเจ็ต หรือปรับแต่งรูปแบบการแสดงผลได้อย่างหลากหลายด้วย Launcher มีให้ดาวน์โหลดเพียบใน Google Play Store 12. เคลียร์แอพฯ ที่ไม่ต้องการจากโฮมสกรีนให้โล่งได้ง่ายๆ สำหรับการติดตั้งแอพฯ บนมือถือ Android หลายท่านคงจะเห็นว่าไอคอนของแอพฯ จะปรากฎในโฮมสกรีนด้วยนอกเหนือจากในเมนูแอพส์ โดยหลายท่านอาจชอบที่จะให้โฮมสกรีนดูโล่งสะอาดตา ซึ่งใน Android สามารถจัดการแอพฯ ต่างๆ ไม่ให้แสดงบนโฮมสกรีนได้ 13. เปิดหลายหน้าจอพร้อมกันได้ ฟีเจอร์เปิดหลายหน้าจอพร้อมกันหรือเรียกว่ามัลติวินโดว์ อาจเป็นฟังก์ชันบนอุปกรณ์ Android บางรุ่นเท่านั้น ให้ความสะดวกสำหรับท่านที่ต้องการเปิดใช้งานหลายหน้าจอไปพร้อมกันในคราว เดียว อาทิ เปิด Facebookไปพร้อมกับเปิด YouTube ไปด้วย 14. แสดงไอคอนของแต่ละแอพฯ ที่แจ้งเตือนเข้ามา ระบบการแจ้งเตือนของทั้ง Android และ iPhone จะแสดงหน้าป็อบอัพขึ้นมาคล้ายกัน แต่สำหรับมือถือ Android แถบด้านบนของโฮมสกรีนจะปรากฎไอคอนของแต่ละแอพฯ เพื่อแจ้งให้ทราบว่ามีการแจ้งเตือนมาจากแอพฯ ใดบ้าง 15. คำนวณเวลานอน หลังจากตั้งนาฬิกาปลุกในมือถือ Android เป็นการแสดงผลเล็กๆ ที่หลายท่านอาจไม่เคยสังเกต เมื่อตั้งเวลาปลุกจากมือถือ Android จะปรากฎป็อบอัพแสดงเวลาที่เหลือในการนอนหลับให้ทราบได้ด้วย ทั้ง 15 ข้อที่กล่าวไปเป็นการหยิบมาจากเว็บไซต์ Business Insider อีกเช่นกัน ส่วนใครจะเห็นด้วยกับทั้ง 15 ข้อหรือไม่ ลองส่งความคิดเห็นมากันได้นะครับ ขอบคุณ : Sanook http://www.itplaza.co.th/update_details.php?type_id=2&news_id=42637&page=1