วันพฤหัสบดีที่ 29 พฤษภาคม พ.ศ. 2557

เปรียบเทียบ LG G3 กับสมาร์ทโฟนระดับเรือธงล่าสุดตอนนี้ !!

ก็เปิดตัวมาเป็นที่เรียบร้อยสำหรับสมาร์ทโฟนเรือธงตัวล่าสุดจาก LG ที่ถือว่าเป็นกระแสมากมายในช่วงสัปดาห์ 2 สัปดาห์ที่ผ่านมา โดยในการเปิดตัวครั้งนี้ก็เรียกได้ว่ามีผู้คนสนใจเป็นจำนวนมากเลยทีเดียว ไม่ว่าจะเป็นด้วยดีไซน์ที่มีการปรับเปลี่ยนขึ้นมาจากรุ่นเก่าอย่าง LG G2 อยู่พอสมควร ไม่ว่าจะเป็นฝาหลังที่ออกแบบมาในแบบ Metalic Design หรือหน้าจอที่มาพร้อมกับหน้าจอ QHD (Quad HD ความละเอียด 1440x2560 พิกเซล) ขนาด 5.5 นิ้ว และสเปคที่มีการอัพเกรดขึ้นมาพอสมควร และแน่นอนเป็นทำเนียมรับน้องใหม่ของสมาร์ทโฟนที่เปิดตัวใหม่ที่จะต้องมีการถูกจับมาเปรียบเทียบกับสมาร์ทโฟนรุ่นเรือธงของแต่ละค่ายนั่นล่ะครับ 
เริ่มด้วยรุ่นพี่ (เป็นรุ่นพี่เพราะออกมาก่อน) ในค่ายเดียวกันอย่าง LG G2 โดยจากภาพเปรียบเทียบด้านบนนี้ ดูเหมือนว่าจะมีการอัพเกรดขึ้นมาพอสมควร ที่เด่นๆก็จะมี หน้าจอใหญ่ขึ้น ความละเอียดมากขึ้น , อัพเกรด CPU เป็นรุ่นล่าสุดอย่าง Snapdragon 801 ความเร็ว 2.5 GHz และกล้องหลังที่มีการเพิ่มฟีเจอร์ Laser Auto Focusช่วยในการโฟกัสที่รวดเร็วยิ่งขึ้นอีกด้วยนะ !!
ต่อด้วยเพื่อนร่วมชาติอย่าง Samsung Galaxy S5 จากภาพเปรียบเทียบด้านบน หลักๆเลยที่ดูแตกต่างคงจะเป็นเรื่องหน้าจอ ที่ทาง LG G3 อัดมาให้เหนือกว่ากับความละเอียดถึง QuadHD 1440x2560 พิกเซล และขนาดหน้าจอที่มากกว่าถึง 5.5 นิ้ว ส่วน Galaxy S5 นั้นดูเหมือนจะเหนือกว่าในเรื่องของจำนวนพิกเซลในกล้องหลังที่ติดมา 16 ล้านพิกเซลเลยล่ะ :D
ต่อมาก็เป็นสมาร์ทโฟนเรือธงจากค่าย Sony กันบ้าง 2 รุ่นนี้ถือว่าสูสีกันมากทีเดียวทั้ง เรื่องแรม 3 GB เท่ากัน (เทียบกับตัวโมเดล 32 GB นะครับ) กล้องหน้าที่ใกล้เคียง และ CPU ที่ใช้เป็น Snapdragon 801 (แต่คนละรหัสและความเร็วไม่เท่ากันนะ) แต่จุดที่ LG G3 ได้เปรียบกว่าคงจะเป็นหน้าจอที่มีขนาดใหญ่กว่าที่ 5.5 นิ้ว และความละเอียด QuadHD 1440x2560 พิกเซลนั่นเอง แต่ทาง Sony ก็ไม่ได้ด้อยกว่าไปซะทุกจุดเพราะยังมีกล้องหลังที่มีความละเอียดมากกว่าถึง 20.7 ล้านพิกเซลเลยทีเดียว เอาซี่ !!
ต่อด้วยสมาร์ทโฟนวัสดุพรีเมี่ยมอย่าง HTC One M8 โดยทางด้านสเปคแล้วนั้น LG G3 ถือว่าเหนือกว่าในหลายๆด้านทั้งหน้าจอที่มีขนาดใหญ่และความละเอียดมากกว่า แต่ทางด้านชิปเซ็ตนั้นถือว่าสูสีกันเลยเพราะทั้งคู่ใช้ชิปเซ็ตSnapdragon 801 ความเร็ว 2.5 GHz ตัวเดียวกัน แต่เรื่องของกล้องหลังนั้นทาง LG G3 มีความละเอียดมากกว่าถึง 13 ล้านพิิกเซล แต่ของทาง One M8 ก็ไม่ใช่แค่ 4 ล้านพิกเซลธรรมดาๆไก่กานะ เพราะเป็น 4 ล้านแบบ Ultra Pixel ที่ช่วยให้ได้แสงมากกว่าตัวอื่นๆแถมยังมีกล้องหลัง 2 ตัวเพื่อช่วยวัดระดับความลึกตื้นได้อีก และทางเรื่องกล้องหน้าของ HTC One M8 ก็ไม่น้อยหน้าเพราะเยอะกว่าใครเพื่อนเลยตอนนี้ แถมยังมีมุมมองที่กว้างกว่าด้วยนะ เน้นคนละด้านล่ะนะ :P 
ปืดท้ายกันด้วยสมาร์ทโฟนจากประเทศจีนอย่าง Oppo Find 7 ตัวนี้ตอนเปิดตัวก็มีการเปิดตัว 2 โมเดลเช่นกัน โดยแบ่งเป็นรุ่นที่มาพร้อมหน้าจอ QuadHD และหน้าจอ Full HD โดยจะแบ่งชื่อเรียกเป็น Oppo Find 7 และ Find 7a ตรงนี้หากนำเอาข้อมูลด้านสเปคของ Oppo Find 7 มาเทียบกับ LG G3 แล้วก็ถือว่ามีสเปคที่สูสีกันมากจริงๆทั้งขนาดหน้าจอและความละเอียดที่เท่ากันเป๊ะ CPU ตัวเดียวกัน แรมเท่ากัน หน่วยความจำภายในเท่ากัน กล้องหลังความละเอียดเท่ากัน แต่จะมีบางจุดที่แตกต่างกันเล็กน้อยอาทิเช่น กล้องหน้า และ OS เท่านั้นครับ
เอาเป็นว่านี่เป็นเพียงการเปรียบเทียบสเปคเบื้องต้นเท่านั้นนะครับ การใช้งานจริงคงต้องมีหลายองค์ประกอบมากกว่านี้ ทั้งเรื่องแบตเตอรี่ ฟีเจอร์และระบบ UI ต่างๆด้วย คงต้องรอให้เครื่องวางขายในประเทศไทยอย่างเป็นทางการแล้วไปลองจับๆกันดูล่ะครับ :D
ขอบคุณ : www.techxcite.com

http://www.itplaza.co.th/update_details.php?type_id=2&news_id=36239&page=1

Samsung เริ่มทยอยปล่อยอัพเดท Kitkat ให้ Samung Galaxy Mega 6.3 แล้ว !!

เมื่อปีที่แล้วทาง Samsung ได้เปิดตัวสมาร์ทโฟนหน้าจอใหญ่ ในตระกูลใหม่อย่าง Galaxy Mega ที่เน้นไปที่สมาร์ทโฟนหน้าจอใหญ่หรือ Phablet นั่นเอง ล่าสุดเหมือนว่าจะมีข่าวดีสำหรับผู้ใช้ Galaxy Mega 6.3 ได้ดีใจกันซะแล้ว เพราะมีรายงานว่าผู้ใช้ Galaxy Mega 6.3 ในประเทศรัสเซีย เริ่มจะได้รับการอัพเดทเป็น Android 4.4 Kitkat กันแล้ว ผ่านโปรแกรม Kies และคาดว่าอีกไม่นานคงจะมาในรูปแบบ OTA (รหัส Firmware I9200XXUDNE4)
ทั้งนี้คาดว่าทาง Samsung คงจะเริ่มทยอยอัพเดท Android Kitkat ให้ผู้ใช้ในประเทศอื่นๆเร็วๆนี้ล่ะครับ ลองกดเข้าไปเช็คในหน้า Setting>About Device>Software Update กันดูครับเผื่อจะมีให้อัพกันแล้วก็ได้ :P

ที่มา : Sammobile
http://www.itplaza.co.th/update_details.php?type_id=2&news_id=36238&page=1

พรีวิว LG G3 ตัวจริง ในสกู๊ปพิเศษงาน LG G3 Day ณ ประเทศสิงคโปร์ ก่อนใคร ที่นี่ที่เดียว

เมื่อวันที่ 28 พฤษภาคม 2557 ที่ผ่านมา ทาง LG ได้จัดงานแถลงข่าวเปิดตัวสมาร์ทโฟนเรือธงรุ่นใหม่ล่าสุดกับLG G3 ซึ่งถือเป็นงานแถลงข่าวอย่างเป็นทางการในภูมิภาคเอเชีย ณ ArtScience Museum , Marina Bay sands ประเทศสิงคโปร์ ซึ่งทีมงาน TechXcite ได้รับเกียรติให้เข้าร่วมงานดังกล่าวด้วย ซึ่งต้องขอขอบคุณทาง LG มา ณ ที่นี้ด้วย
กำหนดการเดินทางจากกรุงเทพสู่สิงคโปร์ ออกเดินทางกันตั้งแต่ช่วงเที่ยงของวันที่ 27 พฤษภาคม 2557 ซึ่งใช้เวลาเดินทางสู่โรงแรมที่พักประมาณสามชั่วโมง ซึ่งการเดินทางก็ราบรื่นดีครับ ทาง LG เตรียมรถบัสขนาดใหญ่มารับถึงสนามบินเลยทีเดียว
หลังจากที่เข้าที่พักแล้ว ก็มีการพักเหนื่อยกันสักเล็กน้อย ซึ่งพอถึงห้องปุ๊ปก็ต้องบอกว่าประทับใจกับวิวของโรงแรมที่สามารถมองเห็นไปถึง Marina Bay sands ที่มีตึกใหญ่สามตึกพร้อมสิ่งก่อสร้างรูปเรือบนยอดตึกครับ อลังการมาก
ตกเย็นทาง LG นัดรับประทานอาหารเย็นกัน ซึ่งรถราภายในเมืองสิงคโปร์ถือว่าไม่ติดหนักหนาสาหัสเหมือนกรุงเทพครับ เดินทางกันแบบสบายๆ เป็นทริปที่ประทับใจมากทีเดียว
มาถึงร้านอาหารจีนที่ขึ้นชื่อเรื่องซีฟู้ด พร้อมๆกับบรรดาสื่อมวลชนชาวไทยท่านอื่นๆที่เข้าร่วมงานแถลงข่าว LG G3 ในครั้งนี้ด้วย ทุกคนต่างตื่นเต้นกับการเปิดตัวสมาร์ทโฟนรุ่นนี้มากครับ เพราะช่วงคืนดังกล่าวกำลังจะมีงานแถลงข่าวจากทางฝั่งทางอเมริกาก่อน แน่นอนว่าทีมงาน TechXcite ได้รายงานสดการเปิดตัวของ LG G3 ไปก่อนหน้านี้เช่นกันครับ
อาหารมาพร้อมแล้ว ต้องขอขอบคุณ LG อีกครั้งกับอาหารมื้อดังกล่าวครับ
ก่อนกลับที่พัก เพื่อเตรียมตัวสำหรับงานแถลงข่าว LG G3 ก็แวะถ่ายภาพสวยๆยามค่ำคืนของสิงคโปร์กันนิดหน่อย ทีมงาน TechXcite ก็ต้องเตรียมตัวทำการบ้านเกี่ยวกับข้อมูลของ LG G3 ครับ ซึ่งแน่นอนว่ารายงานไปแล้วเรียบร้อยตั้งแต่เที่ยงคืนของวันที่ 28 พฤษภาคมที่ผ่านมา
เริ่มต้นเช้าวันที่ 28 พฤษภาคม 2557 อากาศแจ่มใส เตรียมตัวเดินทางสู่  ArtScience Museum , Marina Bay sands ที่เห็นลิบๆในภาพนั่นแหละครับ จุดหมายปลายทางของเราในวันนี้ กับงานแถลงข่าว LG G3
เดินทางโดยรถบัสพร้อมคณะสื่อมวลชนจากประเทศอื่นๆในเอเชีย เพื่อนบ้านเราก็เช่น อินโดนีเซีย กัมพูชา เป็นตัน ถือเป็นงานใหญ่จริงๆครับ และนี่คือบริเวณ Marina Bay sands 

เริ่มเดินเข้าสู่  ArtScience Museum มีไดโนเสาร์มาต้อนรับด้วย โดยงานจะจัดขึ้นภายในห้องประชุมครับ ตอนนี้อากาศเริ่มร้อนคล้ายๆเมืองไทยมาก แดดแรงสุดๆแม้จะเวลา 10.00 น.
มาถึงหน้าทางเข้างาน แน่นอนว่ามีพริตตี้สาวมายืนต้อนรับคณะสื่อมวลชน ก่อนที่จะเข้าสู่งานแถลงข่าวต่อไปก็ขอเก็บภาพมาฝากสักภาพก็แล้วกัน
เข้าสู่ตัวงานก็มีพื้นที่สำหรับสื่อมวลชนถ่ายภาพ และทดลองเล่นเครื่องจริงกัน ก็ถือว่า TechXcite จะได้ลองจับลองเล่นกันในงานเลย เดี๋ยวติดตามกันต่อครับว่าจะเป็นอย่างไรบ้างกับ LG G3
ภายในงานแถลงข่าวครับ กับการเปิดตัวอย่างเป็นทางการกับ LG G3 ที่เน้นธีมของสมาร์ทโฟนตัวนี้ในเรื่อง Simple ตามสโลแกน Simple is the New Smart
หลังจากจบการแถลงข่าวไปแล้ว มาลองจับเครื่องจริงกันบ้าง แรกสัมผัสตัวเครื่องนั้น บอกได้เลยว่าสวยงามมาก โดยเฉพาะยิ่งใส่เคสแบบปิดฝาพับที่มีวงกลมเว้นไว้แสดงผล ตัวเครื่องก็ขนาดพอดีกับการจับถือ ไม่เล็กไม่ใหญ่เกินไปครับ แม้ว่าหน้าจอจะมาในขนาด 5.5 นิ้วก็ตาม
ในวงกลมนี้เราสามารถแตะหน้าจอให้ทำงานได้อย่างรวดเร็ว เช่น การใช้งานโทรศัพท์ หรือว่าจะเปิดเพลงฟัง เป็นต้น โดยที่เราไม่ต้องเปิดฝาออกมา สะดวกในการใช้งานมาก
ลองโหมดถ่ายภาพจากในวงกมเล็กๆนี่ ก็อย่างที่เห็นในภาพครับ โชว์เป็นหน้าจอเล็กๆ ซึ่งระบบถ่ายภาพของ LG G3 นั้น จุดเด่นอยู่ที่ระบบโฟกัสที่รวดเร็วมากๆ โดย LG G3 ใช้เทคโนโลยี Laser ในการหาระยะวัตถุเพื่อคำนวณระยะโฟกัส ซึ่งรวดเร็วกว่าระบบโฟกัสแบบ Contrast Detect อยู่มาก หรือถ้าเทียบกับ Phase Detection ซึ่งเป็นระบบโฟกัสรุ่นใหม่ก็ยังเร็วกว่าพอสมควรครับ จากการทดลองเล่นในงานแล้วบอกได้ว่าประทับใจมากกับจุดนี้
เรื่องของหน้าจอแสดงผล LG G3 มาพร้อมกับหน้าจอความละเอียด Quad-HD ซึ่งแน่นอนว่าคมชัดสวยงามมาก แถมสีสันก็สดใสตามสไตล์ LG อยู่แล้ว ใครที่เน้นเอามาดูหนังหรือเล่นเกม ต้องชอบครับ สีสันและความคมชัดอยู่ในขั้นยอดเยี่ยม
ระบบการทำงานต่างๆของ LG G3 นั้น หลังจากลองเล่นสักพักพบว่าใช้งานได้ลื่นไหลดี หน้าตา UI นั้นคล้ายกับเล่น Nexus อยู่ เพราะเรียบง่ายไม่หวือหวามาก ซึ่งตรงจุดนี้น่าจะเป็นส่วนที่ทำให้เครื่องทำงานได้ลื่นไหล ใครชอบแนวเรียบๆดูสบายตาน่าจะชอบ LG G3 ตัวนี้ครับ ส่วนระบบ Smart Notice ที่ทาง LG โปรโมท ดูๆแล้วคิดว่ามีก็ดี ไม่มีก็ไม่เป็นไรครับ บางอย่างเราทำเองก็ได้ อย่างเช่นระบบแจ้งเตือนให้บันทึกเบอร์ที่โทรบ่อย หรือเตือนให้พกร่มด้วยเดี๋ยวฝนตกแทนที่จะบอกแค่อุณหภูมิสภาพอากาศแบบทั่วๆไป
ดีไซน์ฝาหลังสวยมากถึงมากที่สุด แม้ว่าจะเป็นพลาสติกแต่ออกแบบให้มีลวดลายสวยงามเหมือนกับเป็นวัสดุโลหะ ปุ่มควบคุมที่อยู่ด้านหลังก็ช่วยให้ควบคุมเครื่องได้ง่ายดี ใช้นิ้วชี้กดได้เลย แถมยังเป็นการออกแบบที่ลดพื้นที่โทรศัพท์ด้วยแทนที่จะเอาไปไว้ด้านหน้า ส่วนกล้องหลังมาพร้อมแฟลช LED คู่ แถมมีเซ็นเซอร์ Laser ที่มองดีๆจะเห็นแสงสีแดงของเลเซอร์ในการโฟกัส แถมใช้แอพฯอื่นก็ใช้งานเจ้า Laser ที่ว่านี้ได้ตามปกติ
คุยเรื่องกล้องแล้วขอเล่านิดหน่อยว่า กล้อง LG G3 นั้น นอกจากโฟกัสเร็วแล้วยังให้ภาพที่สวยงาม จุดเด่นอีกอย่างคือกล้องหน้าที่ถ่าย Selfie ได้สวยงาม มีโหมดหน้าเนียนที่ใช้งานง่าย แถมไม่จำเป็นต้องเอานิ้วแตะชัตเตอร์ที่หน้าจอ แค่เราเอามือแบไว้สักครู่ให้กล้องจับการทำงานแล้วหุบมือ กล้องก็จะทำการลั่นชัตเตอร์ภายใน 3 วินาทีครับ คนชอบถ่าย Selfie ถูกใจมากๆแน่นอน
อีกจุดเด่นก็คือเรื่องของ Smart Keyboard สำหรับแป้นพิมพ์ของ LG G3 นั้นมีระบบเดาคำศัพท์ที่เราใช้บ่อย ไม่ใช่แบบมั่วๆ แถมเราสามารถเลือกคำที่เราต้องการได้เอง ทั่สำคัญคือเวลาเราพิมพ์ไปข้อความก็จะโชว์เหนือแป้นพิมพ์ไม่ต้องเหลือกตาขึ้นลงตอนพิมพ์ ช่วยลดโอกาสในการพิมพ์ผิดด้วยครับ และจากการลองใช้งานจริงๆก็พบว่าพิมพ์ศัพท์ พิมพ์ข้อความได้ง่ายและเร็วโดยไม่ค่อยผิดครับ

ส่วนอีกเรื่องที่ LG G3 ได้รับการโปรโมทก็คือเรื่องลำโพงที่ให้คุณภาพเสียงดีขึ้น ด้วยลำโพง 1 วัตต์แท้ๆ ซึ่งก็จะทำให้เราฟังเสียงเรียกเข้าได้เพราะมากขึ้น :P
สำหรับ LG G3 นั้นมาพร้อมกับฝาหลังแบบพิเศษที่สามารถชาร์จแบตเตอรี่ได้แบบไร้สาย ก็ถือว่าสะดวกในการชาร์จไฟดีครับ
แถมสุดท้ายฝาหลังที่ถอดออกได้ ก็ถือเป็นจุดเด่นที่สมาร์ทโฟนเรือธงรุ่นอื่นๆทำไมได้ เพราะเราสามารถถอดเปลี่ยนแบตเตอรี่ได้ เรียกว่าถ้าเครื่องค้างคงไม่ต้องมานั่งปวดหัวรอแบตหมด ดึงแบตเตอรี่ออกก็น่าจะง่ายดี แถมแบตเตอรี่ความจุก็มากถึง 3000mAh
สุดท้ายแล้วครับสำหรับการลองเล่น LG G3 แบบตัวเป็นๆ ก็เรียกได้ว่า สุดยอดสมกับที่เป็นเรือธงของค่ายเลย ไม่ว่าจะเรื่องกล้อง เรื่องระบบการทำงาน ลูกเล่นรวมไปถึงดีไซน์ อ้อ ลืมไปอีกอย่างที่ชอบมากๆกับระบบ Knock On ที่เราสามารถเคาะหน้าจอให้เครื่องทำงาน โดยเราสามารถตั้งวิธีการเคาะเป็นรูปแบบที่เรารู้ เพื่อป้องกันผู้อื่นมาแอบใช้เครื่องด้วย ตรงนี้ถือว่าเร็วกว่ามานั่งใส่รหัสหรือใช้ระบบ Pattern ครับ ลองมาแล้ว
สรุปคร่าวๆนะครับหลังจากที่ได้ลองเล่น LG G3 ของจริงในงานแถลงข่าว
  • ดีไซน์สวยมาก สู้กับแบรนด์อื่นๆได้สบายๆ ตัวเครื่องไม่เล็กหรือใหญ่เกินไป
  • หน้าจอสีสวยสด คมชัดสะใจ ใครชอบหน้าจอแจ่มๆต้องเลือกเลยครับ ไม่ผิดหวังจริงๆ
  • ระบบ UI นั้นเรียบง่ายเหมือนกับใช้ Pure Android ของพวก Nexus ใครชอบแบบลูกเล่นหวือหวาอาจจะไม่ถูกใจ แต่ประเด็นคือเอามาลง UI เองก็ได้ แถม UI เรียบๆง่ายๆแบบนี้ ช่วยให้เครื่องทำงานได้รวดเร็วครับ
  • กล้องแจ่มมากทั้งกล้องหน้าและกล้องหลัง แถมระบบโฟกัสที่รวดเร็วดีมาก ใครที่เบื่อเวลาถ่ายรูปที่แสงน้อยแล้วโฟกัสวืดวาด แนะนำเปลี่ยนมาใช้ตัวนี้ ชีวิตจะดีขึ้นมากครับ
  • เคสแบบฝาพับมีจอกลมๆก็ใช้งานสะดวกดี แสดงผลโดยไม่ต้องเปิดฝาพับ เอาไว้ใช้งานแบบเร็ว
  • แป้นพิมพ์มีแสดงข้อความใกล้ๆ ไม่ต้องเหลือกตาขึ้นลงตอนพิมพ์ ก็พิมพ์ง่ายขึ้นหน่อยนึงครับ แถมมีระบบคำศัพท์ที่ไม่พิมพ์คำอัตโนมติให้เรามั่วๆ
  • บตเตอรี่ถอดได้ อันนี้หลายคนน่าจะชอบมั้ง ประมาณว่าซื้อแบตเตอรี่อีกก้อนมันเลยเวลาใช้งานหนักๆ
  • ระบบ Smart Notice เหมือนลูกเล่นขำๆ มีก็ดี ไม่มีเราก็ทำเองได้ เช่น เมมเบอร์ที่โทรบ่อย
  • โดยรวมให้ 9/10 ครับ รอดูราคาขายกันอีกทีครับ คาดว่าน่าจะอยู่ที่ 20,000+ ตามคู่แข่ง ซึ่งก็ถือว่าเป็นตัวเลือกนึงที่น่าสนใจครับ
ขอบคุณ : www.techxcite.com

http://www.itplaza.co.th/update_details.php?type_id=2&news_id=36236&page=1

เปิดตัว HTC One Vogue Edition (HTC One M8 Ace) รุ่นบอดี้พลาสติกหลากสี!

Android อัพเดทข่าวล่าสุดกับ ป๋าเอก TechXcite สุดสิ้นการรอคอยลงไปอีกหนึ่งรุ่นเมื่อ HTC ได้ประกาศเปิดตัว HTC One Vogue Edition (หรือ HTC One M8 Ace) สมาร์ตโฟน Android รุ่นใหม่อย่างเป็นทางการในประเทศจีนและจะเริ่มออกวางจำหน่ายในวันที่ 3 มิถุนายนนี้ โดยหน้าตาของ HTC One Vogue Edition จะใกล้เคียงกับ HTC One M7 รุ่นก่อนหน้าแต่มาพร้อมกับบอดี้พลาสติกหลากสีสันแทน ซึ่งสเปคของHTC One Vogue Edition มีรายละเอียดตามนี้ครับ

สเปค HTC One Vogue Edition (HTC One M8 Ace)

  • หน้าจอยังไม่เปิดเผยรายละเอียดแต่คาดว่าน่าจะมีขนาด 5 นิ้ว Full HD 1080p
  • ชิปเซ็ต Snapdragon 801 Quad Core CPU ความเร็ว 2.5GHz
  • ลำโพงคู่ BoomSound
  • กล้องหลัง 13 ล้านพิกเซล
  • กล้องหน้า 5 ล้านพิกเซล
  • มีให้เลือก 4 สีคือสีขาว, สีดำ, สีน้ำเงินและสีแดง
  • ยังไม่ประกาศราคาวางจำหน่ายอย่างเป็นทางการ

บทความโดย : ป๋าเอก TechXcite
ที่มา : gsmarena
http://www.itplaza.co.th/update_details.php?type_id=2&news_id=36235&page=1

8 ข้อที่ Samsung Galaxy S5 ดีกว่า iPhone 5s

8 ข้อที่ Samsung Galaxy S5 ดีกว่า iPhone 5s
เกิดเป็น iPhone 5s เลยต้องลำบากใจกันนิดนึง เนื่องจากมีสมาร์ทโฟนรุ่นท็อปจากแบรนด์ดังเปิดตัวทีไรก็จะต้องถูกนำมาเปรียบ เทียบอยู่เสมอๆ
และเป็นอีกครั้งที่ Samsung Galaxy S5 เรือธงล่าสุดสัญชาติเกาหลีใต้ได้ถูกนำมาวัดคุณภาพกับ iPhone 5s ซึ่งคราวนี้สรุปได้ว่ามีถึง 8 ข้อที่ Galaxy S5 ดีกว่า iPhone 5s 
1. กันน้ำได้
galaxy-s5-waterproof
การรับรองด้วยมาตรฐาน IP67 ของ Galaxy S5 ส่งผลให้เป็นสมาร์ทโฟนที่กันน้ำ กันฝุ่นได้ ซึ่ง iPhone 5s ไม่สามารถทำได้
 2. กล้อง
galaxy-s5-camera
Galaxy S5 ไม่เพียงมีความละเอียดของกล้องหลัง 16 ล้านพิกเซล ที่สูงกว่า iPhone 5s (ความละเอียด 8 ล้านพิกเซล) ยังมาพร้อมกับคุณสมบัติของการถ่ายภาพในเชิงลึกตื้น สร้างความรู้สึกสนุกสนานให้กับผูู้ใช้ได้เหมือนการใช้กล้องระดับมืออาชีพ นอกจากนี้ยังรองรับการถ่ายวีดีโอความละเอียดระดับ 4K ได้ ซึ่ง iPhone 5s ไม่สามารถทำได้
3. ช่องสำหรับ SD Card
Galaxy S5 ให้ความสำคัญกับการใช้พื้นที่เก็บข้อมูลซึ่งความจำเป็นของผู้ใช้แต่ละราย ย่อมไม่เท่ากัน ดังนั้นหนึ่งในวิธีจัดการเรื่องนี้คือการมีช่องสำหรับ SD Card เพื่อเป็นอีกหนึ่งพื้นที่เก็บข้อมูลที่นอกเหนือจากหน่วยความจำภายในมีจำกัด ไว้เพียง 16/32GB
4. เพิ่มโหมดความเป็นส่วนตัวและโหมดสำหรับเด็ก
Galaxy S5 มาพร้อม “Private mode” เพื่อปกป้องข้อมูลของคุณผู้ใช้และการป้องกันการเข้าถึงโทรศัพท์ อาทิ การล็อคข้อมูลส่วนตัวหรือภาพถ่ายที่คุณไม่ต้องการให้ผู้ใดเห็นนอกจาก ตัวคุณเอง นอกจากนี้ Galaxy S5 ยังมี “Kids mode” ที่ออกแบบมาเพื่อจำกัดการใช้งานที่เหมาะสำหรับเด็กเท่านั้น
5. โหมดประหยัดพลังงานพิเศษ
ultra-power-saving-mode-s5
ผู้ใช้ iPhone 5s ต่างบ่นเป็นเสียงเดียวกันว่าแบตค่อนข้างหมดเร็ว แต่สำหรับ Galaxy S5 ได้เพิ่มคุณสมบัติที่ช่วยให้ผู้ใช้ไม่ต้องกังวลถึงการใช้งานเมื่อแบตเตอรี่ ใกล้จะหมด ด้วยโหมดที่เรียกว่า “Ultra Power Saving” เมื่อแบตเหลือเพียง 10% ระบบจะปรับให้หน้าจอกลายเป็นสีขาว-ดำ และจำกัดการใช้งานให้เหลือเฉพาะที่จำเป็นเท่านั้น เช่น ใช้โทรเข้า-ออก หรือการส่งข้อความ เป็นต้น ช่วยยืดการใช้งานให้นานขึ้นอีก 24 ชั่วโมงในโหมดสแตนด์บาย
6. เปลี่ยนแบตเตอรี่ได้
อีกหนึ่งข้อจำกัดในเรื่องแบตเตอรี่ของ iPhone 5s คือถอดเปลี่ยนไม่ได้ แต่ Galaxy S5 สามารถหาแบตเตอรี่ก้อนใหม่มาเปลี่ยนทดแทนได้ หรือเตรียมไว้เป็นอะไหล่สำรอง
7. การใช้หน้าจอ Super AMOLED
ระหว่าง iPhone 5s และ Galaxy S5 ความแตกต่างของขนาดหน้าจอคงเป็นเรื่องที่เห็นได้ชัดอยู่แล้ว ซึ่งคุณภาพของเทคโนโลยี Super AMOLED ที่มากับ Galaxy S5 ช่วยให้การแสดงผลมีความคมชัด สามารถปรับตัวตามสภาพของแสดงที่แตกต่างกันได้
8. ฟีเจอร์ตรวจสอบอัตราการเต้นของหัวใจ
samsung-galaxy-s5-heart-rate
หนึ่งในแนวทางใหม่ที่เห็นได้ชัดของ Galaxy S5 คือการเพิ่มฟีเจอร์เพื่อสุขภาพ ทำให้เกิดการเพิ่มเซนเซอร์ใต้กล้องหลังที่เรียกว่า “Heart rate monitor” ที่ผู้ใช้เพียงเปิดแอพและใช้นิ้วชี้แตะค้างไว้สักครู่ก็สามารถวัดอัตราการ เต้นของหัวใจว่าเป็นปกติอยู่หรือไม่ได้แล้ว

สนับสนุนเนื้อหา: Arip
http://www.itplaza.co.th/update_details.php?type_id=5&news_id=36243&page=1