วันพฤหัสบดีที่ 28 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2556

เทียบ Samsung Galaxy Note 8.0 vs. Apple iPad mini

ในทีสุดก็เปิดตัวอย่างเป็นทางการไปแล้ว สำหรับ Samsung Galaxy Note 8.0 ที่มาพร้อมสเปคอย่างเป็นทางการ เพราะงานนี้ทาง Samsung เตรียมส่ง Samsung Galaxy Note 8.0 ออกมาเขย่าบัลลังก์และแบ่งส่วนครองตลาดของ iPad mini นั้นเอง
และดูว่าจะทำได้เสียเพราะกระแสของ Samsung Galaxy Note 8.0 นั้นได้รับการตอบรับที่ดีมาก มีสื่อหลายๆ ที่ได้ทำการ Review Samsung Galaxy 8.0 ออกมาแล้ว(ขนาดของยังไม่เข้าเมืองไทย) และแน่นอนว่าเมื่อโจทย์ของ Galaxy Note 8.0 คือถูกส่งมาเป็นคู่แข็งของ iPad mini ย่อมมีการถูกเปรียบเทียบกันแน่นอน ล่าสุดนั้นทางเว็บไซต์ไอทีชื่อดัง gizmag.com ได้นำทั้งสองรุ่นมาเปรียบเทียบกันแบบหมัดต่อหมัด
มาดูกันครับว่า ถ้าหากเรานำ Samsung Galaxy Note 8.0 และ iPad mini มาเปรียบเทียบกันอย่างละเอียด รุ่นใดจะมีจุดเด่นกว่ากันเริ่มต้นกันทีส่วนแรกเลย
ขนาด (Size)
ในส่วนของขนาด ที่ทางทีมงาน gizmag.com ได้ทำการเปรียบเทียบให้เห็นดังภาพด้านบน มองยังไง iPad mini ก็ยังเล็กและดูคล่องมือกว่าแน่นอน แม้จะมองว่าความแตกต่างไม่มากเท่าไรนักก็ตาม แต่ถ้าหากได้ลองสัมผัสพร้อมๆ กันทางทีมงานว่ารู้สึกได้ถึงความแตกต่างแน่นอน!! สำหรับเรื่องของกระจากนั้นทั้ง Samsung Galaxy Note 8.0 และ iPad Mini จะมีความเงามันเหมือนกัน 
อย่างที่เห็นกันครับว่า iPad mini นั้น มีขนาดที่เล็กกว่า Samsung Galaxy Note 8.0 ซึ่งตัวเครื่องที่มีขนาดที่เล็กกว่านี่เอง ทำให้ iPad mini สามารถพกพาได้สะดวกกว่าแน่นอน 
น้ำหนัก (Weight)
ในส่วนต่อมานั้นคงเป็นเรื่องของน้ำหนัก ที่เป็นตัวช่วยในการตัดสินใจต้นๆ เลยก็ว่าได้ ส่วนนี้นั้น Samsung Galaxy Note 8.0 มีน้ำหนักมี่มากกว่า iPad Mini ถึง 30 กรัมเลยครับถือสำหรับผู้ชายถือว่าความแตกต่างไม่มากนัก แต่หาเป็นผู้หญิงน่าจะรู้สึกได้ในครั้งแรกที่ได้ลองจับ
แสดง (Display)
สำหรับส่วนของจอแสดงผลนั้น Samsung Galaxy Note 8.0 กินขาดครับเพราะในส่วนของขนาดหน้าจอนั้นมีความแตกต่างกันเล็กน้อยเท่านั้น เอง แต่ในส่วนของการแสดงผลนั้น Galaxy Note 8.0 ชนะขาดครบด้วยความละเอียดที่มากกว่า iPad Mini งานนี้คงต้องรอให้ iPad Mini อัพเดทหน้าจอเป็นแบบ Retina Display เมื่อไรค่อยมาชนกันอีกที
หน่วยประมวลผล (Processor)
แท็บเล็ตของซัมซุงมี โปรเซสเซอร์ที่มีประสิทธิภาพมากขึ้นเนืองจากมันคือประมวลผลการทำงานด้วย Quad-Core Cortex-A9 Processor แต่ก็ยังเป็นตัวเดียวกับที่ใช้ใน Samsung Galaxy Note 2 ส่วนหน่อยประมวลผลของ iPad Mini ใช้ Apple A5 เช่นเดียวกับแท็บเล็ตรุ่นพี่ของมัน เพราะฉะนั้นส่วนนี้ชอบไม่ชอบ วัดกันได้ไม่อยาก เพราะมันไม่มีความแปลกใหม่อะไร
แรม (RAM)
ในส่วนของ แรม (RAM) นั้นจะเห็นได้ชัดเลยว่า Galaxy Note 8.0 มาพร้อมความแรงถึง 2GB ชนะ iPad Mini เข้าวินเห็น ๆ 
หน่วยความจำ (Storage)
สำหรับส่วนนี้ ถือเป็นจุดอ่อนของสินค้าตระกูล Apple ก็ว่าได้เนื่องจากจำกัดหน่วยความจำภายในมาให้กับตัวเครืองเรียบร้อย คุณไม่สามารถหาหน่วยความจำสำรองเพิ่มเข้าไปได้เลย อย่างที่เห็น iPad Mini มีความจุให้เลือกซื้อหาได้เลยคือ 16GB, 32GB, 64GB ในส่วนของ Samsung Galaxy Note 8.0 ถูกกำหนดให้มีหน่วยความจำแค่ 2 ขนดเท่านั้นคือ 16GB, 32GB แต่ Galaxy Note 8.0 ถูกออกแบบมาให้รองรับการ์ดหน่วยความจำเสริมภายนอกแบบ microSD Card ได้ได้สูงสุดขนาด 64 GB
ไร้สาย (Wireless)
แท็บเล็ตทั้งสองรุ่นรองรับ Wireless ได้เหมือนกันแต่ Samsung Galaxy Note 8.0 สามารถใช้คุยโทรศัพท์ด้วยการ แนบหู เหมือน มือถือ ทั่วไปและสามารถบันทึกข้อมูลการโทร (โทรออก, รับสาย, ไม่รับสาย) แม้มันจะใหญ่จนกินหน้าเราไปครึ่งหน้าก็ตาม 
แบตเตอรี่ (Battery)
Samsung Galaxy Note 8.0 ใช้ชนิดแบตเตอรี่ขนาด Li-Ion 4600 mAh ส่วน iPad Mini มีความจุของ แบตเตอรี่เพียง 4400 mAh จุดนี้ต้องยกให้ Galaxy Note 8.0 เค้าไปเพราะดูเหนื่อกว่ากันเล็กน้อยนั้นเอง แต่ตอนใช้งานตัวไหนจะกินไฟมากกว่ากัน ก็คงเป็นอีกเรื่องครับ
กล้อง (Cameras)
สำหรับส่วนนี้คงเป็นตัวช่วยที่สำคัญในการตัดสินใจซื้อของใครหลายๆ คน Samsung Galaxy Note 8.0 และ iPad Mini มีกล้องดิจิตอลตัวหลักที่ด้านหลังตัวเครื่อง ความละเอียดระดับ 5 ล้าน Pixels เท่ากันจะต่างกันเล็กน้อยตรง กล้องดิจิตอลขนาดเล็กที่ด้านหน้าของตัวเครื่อง เพราะ Samsung Galaxy 8.0 มีความละเอียดระดับ 1.3 ล้าน Pixels ส่วน iPad Mini มีความละเอียดเพียง 1.2 ล้าน Pixels และ Galaxy Note 8.0 ไม่มีไฟแฟลช
เหมือนจะแยกถึงความแตกต่างไม่ได้....
intangibles (Intangibles)
ความแตกต่าง สำหรับข้อสุดท้ายที่ทาง gizmag.com นำมาเปรียบเทียบนั้นเหมือนจะไม่เข้าท่าครับ... เอาเป็นว่าผมให้ชอบเท่ากัน Samsung Galaxy Note 8.0 นั้นถูกชูจึดเด่นเรื่อง รองรับการใช้งานคู่กับปากกา S-Pen Stylus พร้อมเทคโนโลยีจาก Wacom ซึ่งรองรับการวาดเขียนไปบนหน้าจอได้อย่างละเอียดแม่นยำ และมีฟังก์ชันใช้งานที่หลากหลาย
ในส่วนของ iPad Mini นั้นทางทีมงาน gizmag.com นำเรื่องแอพพิเคชั่นบน App Store ที่แอปเปิ้ลมี apps มากกว่า 275,000 แอพชูเป็นจุดเด่น ผมว่ามัน เลยทำให้ งง ว่ามันวัดกันตรงไหนซึ่งจริงๆ ควรนำ 
Google Play มาชนกันมากกว่า
นับจากการเปิดตัวอย่างเป็นทางการของ Samsung Galaxy Note 8.0 ไปเมื่อวันก่อนนั้น กระแสของ Galaxy Note 8.0 นับว่าร้อนแรงไม่แพ้รุ่นพี่ๆ เลยงานนี้คงเป็นการบ้านให้ทาง Apple มานั่งคิดหาทางออกสำหรับกรณีนี้ยังไง...ไม่แน่อีกไม่กี่เดือนต่อจากนี้เรา อาจจะได้ให้ iPad Mini รุ่นใหม่ถูกส่งลงสนามอย่างแน่นอน
สำหรับในส่วนของราคา และกำหนดการวางจำหน่ายของ Samsung Galaxy Note 8.0 นั้นทางซัมซุง ยังไม่เปิดเผยรายละเอียดอย่างเป็นทางการ แต่คาดว่า ช่วงไตรมาสที่ 2 นี้ น่าจะมีข่าวดีให้ทราบกันครับ


ที่มา: http://www.itplaza.co.th/update_details.php?type_id=2&news_id=25099&page=1

Preview : Samsung NX300 ลองจับลองสัมผัสตัวเป็นๆก่อนวางขายจริง


Preview : Samsung NX300 ลองจับลองสัมผัสตัวเป็นๆก่อนวางขายจริง
กล้อง Samsung NX300 เป็นกล้อง Mirrorless รุ่นใหม่ล่าสุดจากทาง Samsung ซึ่ง TechXcite เองได้มีโอกาสสัมผัสตัวเป็นๆ เลยอยากจะมาเล่าสู่กันฟังว่า กล้องตัวนี้เป็นอย่างไรบ้าง มีสเป็คอะไรที่น่าสนใจ แต่ต้องออกตัวก่อนเลยว่าสำหรับ พรีวิว Samsung NX300 ตัวนี้ ยังไม่มีภาพตัวอย่างนะครับ เพราะไม่สามารถใส่การ์ดได้ครับ
เริ่มจากสเป็คกล้อง Samsung NX300 ตัวนี้ มีจุดเด่นหลักๆดังนี้ครับ
  • เซ็นเซอร์ขนาด APS-C ความละเอียด 20.3 ล้านพิกเซล
  • ISO 100-25600
  • ใช้เทคโนโลยีประมวลผล DRIMe IV
  • ถ่ายภาพต่อเนื่องได้เร็ว 8.6 ภาพต่อวินาที
  • ระบบโฟกัสแบบ Hybrid Autofocus
  • หน้าจอแบบ AMOLED ขนาด 3.31 นิ้ว ความละเอียด 768,000 px สามารถบิดพับได้
  • รองรับระบบสัมผัส
  • สามารถถ่ายภาพและวีดีโอ 3 มิติได้เมื่อใช้ร่วมกับเลนส์ NX 45mm F1.8
หน้าตาและการดีไซน์ของเจ้า Samsung NX300 ตัวนี้ยังคงสไตล์เดี่ยวกับตัวเก่าอย่างพวก NX200 ดูเผินๆแล้วไม่ค่อยเปลี่ยนแปลงมากนัก ขนาดบอดี้นั้นถือว่าเล็กกะทัดรัด เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการกล้องสำหรับการพกพาท่องเที่ยว แถมยังให้ไฟล์คุณภาพสูงจากเซ็นเซอร์ขนาดใหญ่อีกด้วย
ตัวบอดี้นั้นออกแบบสีแบบทูโทนดูสวยงาม จุดเด่นใหม่อย่างระบบโฟกัสที่เรียกว่า Hybrid Autofocus นั้น ช่วยให้สามารถโฟกัสได้รวดเร็วขึ้น แถมเมื่อถ่ายวีดีโอก็ยังสามารถโฟกัสภาพได้อย่างต่อเนื่อง
หน้าจอ OLED ของ Samsung เป็นที่ขึ้นชื่อในเรื่องของการแสดงผลได้อย่างดี ดีเสียจนเมื่อเอารูปมาเปิดดูในคอมพิวเตอร์แล้วอาจจะสับสน เพราะภาพหลังกล้องตัวนี้สีสันสดใสทีเดียว เรียกว่าดูหลังกล้องแล้วสวยแน่นอนครับ
กล้อง Samsung NX300 มีข้อดีตรงสามารถเชื่อมต่อ Wi-Fi ได้ ซึ่งทำให้สามารถแชร์ภาพต่างๆได้เลย แถมมีโหมดถ่ายภาพแบบมืออาชีพไปถึงโหมดถ่ายภาพอัตโนมัติแบบต่างๆ ตอบสนองการถ่ายภาพได้ทุกรูปแบบครับ เสริมอีกนิด กล้องตัวนี้สามารถใช้แฟลชแยกต่อพ่วงได้ ดังนั้นใครที่ชอบหาอุปกรณ์เสริมมาเล่น น่าจะชอบใจ
ยังไม่หมดแค่นี้ เพราะ Samsung เปิดตัวเลนส์รุ่นใหม่ที่บอกว่าสามารถถ่ายภาพ 3D ได้  ด้วยเลนส์ NX 45mm F1.8 เลนส์ตัวนี้สามารถถ่ายภาพออกมาแล้วซ้อนๆกัน พอไปเปิดในจอทีวี 3 มิติแล้วต้องใส่แว่นดูน่ะครับ แถมไม่ใช่แค่ภาพถ่าย ยังสามารถถ่ายวีดีโอ 3D ได้ด้วย น่าสนใจใช่ไหมครับ
สำหรับกล้อง Samsung NX300 ตัวนี้ ถ้าหากให้แนะนำก็ต้องบอกว่าเหมาะสำหรับมือใหม่ที่ต้องการกล้องดีๆสักตัวไว้ถ่ายภาพ ไปจนถึงมืออาชีพที่ต้องการกล้องสำหรับวันสบายๆไม่อยากแบกเยอะ ด้วยน้ำหนักที่เบา ตัวเล็ก พกสะดวก แถมเปลี่ยนเลนส์ได้ (เลนส์ Samsung ตอนนี้มีให้เล่นเยอะครับ) ยังไงถ้าวางขายจริงเมื่อไร ลองไปเล่นดูก่อนได้ครับ ว่าถูกใจหรือเปล่า

เจอกันแน่!! Galaxy S4 ยืนยันเปิดตัว 14 มีนานี้

เจอกันแน่!! Galaxy S4 ยืนยันเปิดตัว 14 มีนานี้
 หลังจากมีข่าวลือเกี่ยวกับสมาร์ทโฟนตระกูล Galaxy S รุ่นต่อไปนั้นก็คือ Samsung Galaxy S4 (IV)  ออกมาตลอดช่วงเวลา 2-3 เดือนที่ผ่านมา
ล่าสุดนั้นเว็บไซต์ไอทีชื่อดังอย่าง Gsmarena ได้นำเสนอข่าวการส่งบัตรเชิญสื่อมวลชน เพื่อมาร่วมงานแถลงเปิดตัวสมาร์ทโฟนตระกูล Galaxy S รุ่นใหม่ล่าสุดของทาง Samsung และนั้นคือสัญญาณที่ค่อนข้างชัดว่าสมาร์ทโฟนตัวท็อปอย่าง Galaxy S4 จะเผยโฉมในงานนี้อย่างแน่นอน!!
Samsung Galaxy S IV (Galaxy S4)
Samsung Galaxy S4
เผยรายละเอียดสเปคใหม่ล่าสุดของ Samsung Galaxy S4 (IV)
  • หน้าจอขนาด 4,99 นิ้ว Full-HD SoLux Display
  • ซีพียู Snapdragon 600 ความเร็ว 1.9GHz
  • Android เวอร์ชั่น 4.2 Jelly Bean
  • RAM 2 GB
  • หน่วยความจำภายในตัวเครื่อง ขนาด 16 GB, 32 GB และ 64 GB
  • กล้องถ่ายภาพ 13 ล้านพิกเซล
  • บันทึกภาพเคลื่อนไหวในรูปแบบ Full HD 1080p
  • ขนาดตัวเครื่อง 40.1 x 71.8 x 7.7 มม
  • น้ำหนัก 138 กรัม
  • มีให้เลือก 2 สี ได้แก่ สีขาว และ สีดำ
ซึ่งงานนี้จัดขึ้นที่นิวยอร์ค สหรัฐฯ ซึ่งในกำหนดการคือวันที่ 14 มีนาคมที่จะถึงนี้ และถ้าหากตามหมายกำหนดการณ์นั้นคือการเปิดตัว Samsung Galaxy S4 (IV) จริงก็ถือเป็นการกระตุ้นยักษ์ใหญ่อย่าง Apple ให้ปรับแผนการส่ง iPhone รุ่นต่อไปสู่ตลาดในอีกไม่ช้าแน่นอน ทางทีมงานรับรองได้อีกไม่นานเกินรอ เราได้ยลโฉมiPhone 5s หรือ iPhone 6 อย่างแน่นอน

 เขียนโดย : LadyB
ที่มา >>> http://www.itplaza.co.th/update_details.php?type_id=2&news_id=25097&page=1

วันพุธที่ 27 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2556

Asus PadFone Infinity สมาร์ทโฟนเรือธง มาพร้อมสเปคแรงสุดของ Android พร้อมราคา (แอบแรงนิดๆ)!?

Android อัพเดตข่าวล่าสุดกับ TechXcite ยังอยู่กันที่งาน MWC 2013 ที่บูธ Asus ซึ่งก็มาถึงตัวไฮไลท์ของ Asus ที่นำมาเปิดตัวกันที่งานนี้ นั่นก็คือ Asus PadFone Infinity ซึ่งมาเปิดตัวด้วยดีไซน์สุดหรู และสเปคแรงสุดๆ แถมยังสามารถแปลงร่างเป็นแท็บเล็ตได้ด้วย
ก่อนอื่นมาดูกันที่สเปคของ Asus PadFone Infinity ก่อนเลยครับ
- หน้าจอ 5 นิ้ว ความละเอียด 1920x1080 พิกเซล (441ppi)
- CPU Quad-Core 1.7GHz Snapdragon 600
- กล้องหลัง 13 ล้านพิกเซล ใช้เทคโนโลยี BSI Sensor ของ Sony
- กล้องหน้า 2 ล้านพิกเซล
- RAM 2GB
- หน่วยความจำ 32/64GB
- ใช้ Android 4.2 Jelly Bean
- มีสีให้เลือก Titanium Gray, Champagne Gold, และ Hot Pink
- น้ำหนัก 141 กรัม
- บาง 6.3-8.9 มม.

Asus PadFone Infinity ถูกตั้งราคาไว้ที่ 999 ยูโร (ในยุโรป) คิดเป็นเงินไทยก็ประมาณเกือบๆ 40,000 บาท ซึ่งจะได้ทั้งตัวมือถือ และ Pad Station และกำหนดวางขายในเดือนเมษายนนี้ ใครชอบอะไรที่แปลกใหม่ ดีไซน์หรู วัสดุเทพๆ เจ้านี่ก็น่าสนใจมากครับ ทิ้งท้ายไว้ด้วยคลิปสัมภาษณ์ผู้บริหาร Asus พร้อมทั้งแนะนำPadFone Infinity ด้วยตัวเองได้ที่ด้านล่างนี้เลย



source: http://www.itplaza.co.th/update_details.php?type_id=5&news_id=25050&page=1

เผย SpaceTop ควบคุมคอมพิวเตอร์ได้ด้วยมือ! หมวดหมู่ : ระบุคำค้น : เผย SpaceTop ควบคุมคอมพิวเตอร์ได้ด้วยมือ!

ข่าวล่าสุดรายงานว่า Jinha Lee นักศึกษาจากสถาบัน MIT ได้แสดงต้นแบบของ SpaceTop อินเทอร์เฟสคอมพิวเตอร์แบบสามมิติที่ให้เราสามารถยื่นมือเข้าไปควบคุมการใช้ งานได้
     คอมพิวเตอร์ของ Lee ได้ผนวกการควบคุมด้วยท่าทางเข้ากันกับกราฟิกสามมิติ รวมทั้ง LED โปร่งแสงเพื่อสร้างสภาพแวดล้อมที่ผู้ใช้สามารถยื่นมือเข้าไปควบคุมการทำงาน ได้ โดยระบบจะมีกล้องสองตัวคอยตรวจจับความเคลื่อนไหว ตัวหนึ่งจะจับการเคลื่อนไหวของมือ ส่วนอีกตัวหนึ่งจะจับความเคลื่อนไหวของดวงตา ซึ่งระบบจะตอบสนองตามความเคลื่อนไหวของอวัยวะทั้งคู่ที่เปลี่ยนแปลงไป ผู้ใช้จะสามารถควบคุมไอคอนหรือแอปพลิเคชันต่างๆ ได้ด้วยการยื่นมือไปจับที่บริเวณข้างหลังจอแสดงผล หรือจะเปลี่ยนไปใช้คีย์บอร์ดควบคุมเหมือนเดิมก็ได้
     ขณะนี้ SpaceTop ยังอยู่ช่วงเริ่มต้นของการพัฒนาเท่านั้น และยังไม่เป็นที่แน่ชัดว่าจะต้องใช้เวลาอีกนานเท่าใดถึงจะพร้อมใช้สำหรับผู้ บริโภค แต่ Lee ก็หวังว่าระบบที่เขาคิดขึ้นมานั้นจะสร้างผลกระทบให้กับวงการคอมพิวเตอร์สัก วันหนึ่งครับ


ที่มา: http://www.itplaza.co.th/update_details.php?type_id=5&news_id=25063&page=1

“เอซุส” เปิดตัวเร้าท์เตอร์ฉบับกระเป๋าเล็กที่สุดในโลกรุ่น “WL-330NUL”

 “เอซุส” เปิดตัวเร้าท์เตอร์ฉบับกระเป๋าเล็กที่สุดในโลกรุ่น “WL-330NUL
จิ๋วแต่แจ่มด้วยการเชื่อมต่อได้ในทุกที่ทุกเวลากับโหมด Ethernetและ Wi-Fi
พร้อมทั้งใช้เป็นAccess Pointได้บนระบบปฏิบัติการหลากหลายแพล็ทฟอร์ม

          กรุงเทพฯ(27 กุมภาพันธ์ 2556)“เอซุส” ผู้นำด้านนวัตกรรมแห่งยุคดิจิตอลแนะนำเร้าท์เตอร์ขนาดพกพาที่เล็กที่สุดในโลก “ASUSWL-330NULทำงานผ่านพอร์ต USBที่ ให้ความสะดวกสบายสูงสุดต่อผู้ใช้งานที่มีไลฟ์สไตล์ที่ไม่หยุดนิ่ง รวมถึงผู้ทึ่ต้องเดินทางอยู่เป็นประจำ สามารถเชื่อมต่ออินเตอร์เน็ตผ่านโหมด Ethernetและ Wi-Fi ได้อย่างรวดเร็ว ปลอดภัย พร้อมยังสามารถใช้เป็นAccess Pointที่ เปี่ยมด้วยประสิทธิภาพภายใต้รูปลักษณ์อันสวยงามกระทัดรัด ตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคยุคปัจจุบัน   ที่หันมาใช้สมาร์ทดีไวซ์ต่างๆ มากขึ้น ทั้งโน้ตบุ๊ค อัลตร้าบุ๊ค สมาร์ทโฟน หรือแท็บเบล็ต โดยเร้าท์เตอร์รุ่น ASUSWL-330NULนี้ มาพร้อมฟีเจอร์สำหรับตั้งค่าความปลอดภัยที่เชื่อถือได้ ให้ความสะดวกฉับไวในการเชื่อมต่อ ช่วยให้คุณสามารถเชื่อมต่อเครือข่ายและแชร์อินเตอร์เน็ตให้กับผู้อื่นได้ อย่างรวดเร็วทันใจ สามารถใช้กับระบบปฏิบัติการในแพล็ทฟอร์มต่างๆ ได้ อาทิWindows8,Mac OSและiOS
เร้าท์เตอร์จิ๋วออลอินวันพร้อมฟังก์ชั่นครบครัน
เร้าท์เตอร์ “ASUSWL-330NULนี้ ออกแบบมาเพื่อเป็นเร้าท์เตอร์ที่ทำงานได้เต็มรูปแบบในขนาดกระทัดรัด         มีฟังก์ชั่นการทำงานหลายโหมดให้เลือกใช้ ทั้งเป็นเร้าท์เตอร์, เชื่อมต่อ Ethernet (ผ่านสายLAN), Wi-Fi hotspot, และเป็นAccess Pointช่วยให้การแชร์อินเตอร์เน็ตสู่อุปกรณ์สมาร์ทดีไวซ์อื่นๆ ไม่ว่าจะเชื่อมต่อผ่านสายพ่วงหรือในแบบไร้สายเป็นไปได้อย่างราบรื่นและสะดวก สบาย ด้วยขนาดความยาวเพียง 6.5 เซนติเมตร และน้ำหนักเบาเพียง 17.5 กรัม ทำให้เร้าท์เตอร์รุ่นนี้สามารถพกพาได้สะดวกไม่ต่างจากแฮนดี้ไดร้ฟว์ USBทั่วไป

แชร์อินเตอร์เน็ตให้สมาร์ทดีไวซ์อื่นๆ อย่างอิสระ
ด้วยความสามารถในการแชร์อินเตอร์เน็ตให้อุปกรณ์สมาร์ทดีไวซ์อื่นๆ อันหลากหลายของเร้าท์เตอร์“ASUSWL-330NULทำ ให้ผู้ใช้งานไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายสำหรับการขอล็อคอินอินเตอร์เน็ตเพิ่ม ให้อิสระเต็มที่กับผู้ที่เดินทางบ่อยๆ และต้องการใช้งานอินเตอร์เน็ตที่ทันใจบนโน้ตบุ๊ค, แท็บเบล็ต, สมาร์ทโฟน, หรือกับเดสก์ท็อปพีซี ช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายในการแชร์อินเตอร์เน็ต พร้อมส่งมอบการเชื่อมต่อคุณภาพสูง ความเร็วสม่ำเสมอไม่มีสะดุดแม้ขณะมีอุปกรณ์อื่นมาเชื่อมต่อเพิ่มเติมในวง เครือข่าย

ออกแบบเพื่อใช้งานกับอัลตร้าบุ๊ค
เร้าท์เตอร์“ASUSWL-330NULสามารถ ใช้งานกับอัลตร้าบุ๊ครุ่นต่างๆ ได้เป็นอย่างดีผ่านพอร์ต USB หรือใช้กับพอร์ต RJ-45 Ethernetของเร้าท์เตอร์รุ่นนี้ผ่านทางสายLAN ก็ช่วยให้การเชื่อมต่อรวดเร็ว สร้างความเสถียร และมีความปลอดภัยยิ่งขึ้น เพียงแค่จับคู่เร้าท์เตอร์ ASUSWL-330NULเข้ากับอัลตร้าบุ๊คผ่าน USBหรือเชื่อมต่อเข้ากับอุปกรณ์เชื่อมต่อสัญญาณอินเตอร์เน็ต เช่น โมเด็ม หรือเสียบเข้าช่องสัญญาณบนผนังด้วยสาย LAN ได้ทันที

ปลอดภัยและติดตั้งง่ายดาย
เร้าท์เตอร์ “ASUSWL-330NULให้ การสร้างเครือข่ายที่ปลอดภัยเพื่อปกป้องข้อมูลลับ แม้ขณะส่งผ่านข้อมูลระหว่างอุปกรณ์ต่างๆ สามารถใช้งานได้อย่างง่ายดายในทันทีโดยไม่ต้องมีการเช็ทค่าติดตั้งที่ซับ ซ้อนใดๆ เพียงคลิ๊กแค่ครั้งเดียวบนโปรแกรมจัดการเน็ตเวิร์ค และเลือกระบบการเข้าถึงอินเตอร์เน็ตของอุปกรณ์อื่นๆ ที่ต้องการแชร์อินเตอร์เน็ต ผู้ใช้ก็สามารถออนไลน์ได้ทันทีหลังจากตั้งค่าบนหน้าจอเว็บผ่ายอินเตอร์เฟซ ที่ใช้งานง่าย นอกจากนี้ยังมีโปรแกรมเสริมอื่นๆ ที่ช่วยให้การเข้าถึงและเชื่อมต่ออินเตอร์เน็ตทำได้อย่างสบายใจไร้กังวล

ยืดหยุ่นยิ่งขึ้นด้วยการรองรับระบบปฏิบัติการอันหลากหลาย
เร้าท์เตอร์ “ASUSWL-330NULรอง รับการทำงานบนระบบปฏิบัติการ Windows ในหลายเวอร์ชั่น เช่น Windows 8 ใหม่ล่าสุด รวมถึงระบบ Mac OS และ iOSทำให้สามารถใช้งานกับอุปกรณ์ได้หลากหลายชนิด มอบความสะดวกให้กับฐานลูกค้าที่ใช้อุปกรณ์บนแพล็ทฟอร์มที่แตกต่างกัน นอกจากนี้เร้าท์เตอร์ ASUSWL-330NULยังใช้ไฟต่ำแม้ในโหมดทำงานเต็มประสิทธิภาพ สามารถเสียบต่อใช้ไฟได้โดยตรงผ่านอะแด็พเตอร์หรือผ่านสาย USB และผู้ใช้ยังสามารถต่อเร้าท์เตอร์เข้ากับที่ชาร์ตแบ็ตโทรศัพท์มือถือได้อีก ด้วย ช่วยเพิ่มความสะดวกในการใช้งานอินเตอร์เน็ตแบบไร้ขีดจำกัด

พบกับเร้าท์เตอร์ASUSWL-330NULตั้งแต่ วันนี้ในราคาเครื่องละ 1,190บาท(รวมภาษีมูลค่าเพิ่มแล้ว) ที่ตัวแทนจำหน่ายเอซุสทั่วประเทศ สนใจข้อมูลเพิ่มเติมกรุณาเยี่ยมชมเว็บไซต์ www.asus.co.thหรือพูดคุยผ่านทาง Facebook.com/ASUS.DIY

ข้อมูลด้านเทคนิคของผลิตภัณฑ์
Interface:                                              1 x 100/10Mbps WAN, 1 x USB 2.0
Antenna:                                               1 x internal
Operating frequency:                        2.4GHz
Data rate:                                             802.11b/g/n Wi-Fi at up to 150Mbps
Encryption:                                           64-bit/128-bit WEP, WPA/WPA2-PSK
Management:                                      One click setup and management, WL-330NUL Ultra-                                                                 Link utility, web-based administrationDHCP server,                                                                   NAT firewall
Power adapter AC input:                  110V-240V (50-60Hz)
USB output:                                          5V with max 1A current
Dimensions:                                         6.5cm x 2cm x 1.5cm
Weight:                                                  17.5g

*สเป็คและฟีเจอร์ของผลิตภัณฑ์อาจเปลี่ยนแปลงโดยไม่ได้แจ้งให้ทราบล่วงหน้า สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ www.asus.co.th

เกี่ยวกับเอซุส
เอซุส ผู้ผลิตมาเธอร์บอร์ดที่มียอดขายและได้รับรางวัลมากที่สุดในโลก และเป็นหนึ่งในสามสุดยอดผู้นำจำหน่ายโน้ตบุ๊กระดับโลก ซึ่งเป็นองค์กรผู้นำในยุคดิจิตอลใหม่ เอซุสออกแบบและผลิตสินค้าที่ตอบสนองความต้องการของครัวเรือน สำนักงาน และบุคคลทั่วไปในยุคดิจิตอลได้อย่างลงตัวด้วยสายผลิตภัณฑ์มากมาย ไม่ว่าจะเป็นมาเธอร์บอร์ด กราฟิกการ์ด ออฟติคอลไดรฟ์จอภาพ คอมพิวเตอร์เดสก์ท็อป อีบ๊อกซ์ ออลอินวันพีซี โน้ตบุ๊ก เน็ตบุ๊ก แท็บเล็ต เซิร์ฟเวอร์ โซลูชั่นมัลติมีเดียและโซลูชั่นไร้สาย อุปกรณ์เครือข่ายและโทรศัพท์มือถือ ด้วยความมุ่งมั่นในการพัฒนานวัตกรรมและคุณภาพ ทำให้เอซุสคว้ารางวัลถึง 4,168 รางวัลในปี 2012 เอซุสมีพนักงานทั่วโลกกว่า 11,000 คน พร้อมทีมวิจัยและพัฒนาระดับโลกอันประกอบด้วยวิศวกรจำนวน 3,100 คน และได้รับการยกย่องอย่างกว้างขวางจากการปฏิวัติอุตสาหกรรมคอมพิวเตอร์

http://www.itplaza.co.th/update_details.php?type_id=2&news_id=25072&page=1

วันอังคารที่ 26 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2556

ใครไม่เชื่อว่าแท็บเล็ตขนาด 7 นิ้วมันถือโทรได้จริงๆ ชมคลิปของ Asus ด้านในเลย!

Android อัพเดตข่าวล่าสุดกับ TechXcite เมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา ทาง Asus ได้เปิดตัวแท็บเล็ตโทรได้อย่าง Asus Fonepad ที่หลายๆ คนอาจข้องใจว่า มันเป็นแท็บเล็ตขนาดหน้าจอตั้ง 7 นิ้ว แล้วมันจะถือโทรสะดวกเหรอ ด้วยเหตุนี้ Asus จึงได้ส่งคลิปวีดีโปรโมทสั้นๆ โชว์ให้เห็นเลยว่าเจ้า Fonepad นี้มันถือโทรได้จริงๆ นะ รวมถึงมีการโชว์ความสามารถอื่นๆ ด้วย ว่าแล้วก็ไปชมด้วยกันเลยครับ


เป็นไงบ้างครับกับคลิปโปรโมท Asus Fonepad ส่วนตัวคิดว่าใครที่อยากได้ Google Nexus 7 รุ่นโทรได้ เจ้า Fonepad นี่แหละน่าจะตอบโจทย์ตรงนี้ได้ (เพราะ Asus เองก็เป็นผู้ผลิต Nexus 7 เองนี่นา) ใครที่อยากได้ Asus บอกว่าจะเริ่มวางขาย Fonepad ประมาณกลางปีนี้ครับรออีกนิด


source: http://www.itplaza.co.th/update_details.php?type_id=2&news_id=25049&page=1


เจ้าพ่อการ์ดจอมาเอง! Nvidia เปิดตัว Phoenix สมาร์ทโฟน Android สเปคดุ รอชน S4!?

Android อัพเดตข่าวล่าสุดกับ TechXcite เมื่อไม่กี่เดือนที่ผ่านมาบริษัทผู้ผลิตการ์ดจอชื่อดังอย่าง Nvidiaได้เปิดตัว Nvidia Tegra 4 ชิปประมวลผลพลังแรงสำหรับอุปกรณ์ Android รวมถึงเครื่องเล่นเกมระบบปฏิบัติการ Android อย่าง Project Shield แต่ใครจะรู้ว่าล่าสุด Nvidia ก็หันมาผลิตสมาร์ทโฟน Android ด้วยเช่นกัน

ล่าสุดที่งาน MWC 2013 ทาง Nvidia ได้โชว์สมาร์ทโฟนของตัวเองชื่อว่า Nvidia Phoenix ที่มาพร้อมกับหน้าจอขนาดใหญ่ 5 นิ้วเหมาะแก่กิจกรรมความบันเทิงอย่างยิ่ง และเชื่อว่าทาง Nvidia ได้ไม่ได้ผลิตสมาร์ทโฟนออกมาเป็นแค่ตัวรองบ่อนแน่นอน น่าจะเล็งไปชนกับพวก Sony Xperia Z, HTC One หรือแม้แต่ตัวแรงที่ยังไม่ออกมาอย่าง Samsung Galaxy S4 ด้วย เพราะว่ามาพร้อมกับสเปคระดับท็อปในปัจจุบันเลยทีเดียว และที่สำคัญมีราคาที่ไม่แรงมากด้วย (ตามแหล่งข่าวที่ทาง The Verge รายงานมา แต่ไม่ได้แจ้งราคา)
สเปคคร่าวๆ ของ Nvidia Phoenix คือ มาพร้อมหน้าจอ 5 นิ้ว ความละเอียด 1080p, ใช้ CPU Nvidia Tegra 4i (รองรับ LTE), กล้อง 13 ล้านพิกเซล, และใช้ระบบปฏิบัติการณ์ Android ใครที่เป็นแฟนการ์ดจอของ Nvidia สนใจจะหาเจ้า Phoenix มาใช้ซักเครื่องมั้ยครับ


source: http://www.itplaza.co.th/update_details.php?type_id=2&news_id=25047&page=1

Asus PadFone Infinity สมาร์ทโฟนเรือธง มาพร้อมสเปคแรงสุดของ Android พร้อมราคา (แอบแรงนิดๆ)!?

Android อัพเดตข่าวล่าสุดกับ TechXcite ยังอยู่กันที่งาน MWC 2013 ที่บูธ Asus ซึ่งก็มาถึงตัวไฮไลท์ของ Asus ที่นำมาเปิดตัวกันที่งานนี้ นั่นก็คือ Asus PadFone Infinity ซึ่งมาเปิดตัวด้วยดีไซน์สุดหรู และสเปคแรงสุดๆ แถมยังสามารถแปลงร่างเป็นแท็บเล็ตได้ด้วย
ก่อนอื่นมาดูกันที่สเปคของ Asus PadFone Infinity ก่อนเลยครับ
- หน้าจอ 5 นิ้ว ความละเอียด 1920x1080 พิกเซล (441ppi)
- CPU Quad-Core 1.7GHz Snapdragon 600
- กล้องหลัง 13 ล้านพิกเซล ใช้เทคโนโลยี BSI Sensor ของ Sony
- กล้องหน้า 2 ล้านพิกเซล
- RAM 2GB
- หน่วยความจำ 32/64GB
- ใช้ Android 4.2 Jelly Bean
- มีสีให้เลือก Titanium Gray, Champagne Gold, และ Hot Pink
- น้ำหนัก 141 กรัม
- บาง 6.3-8.9 มม.

Asus PadFone Infinity ถูกตั้งราคาไว้ที่ 999 ยูโร (ในยุโรป) คิดเป็นเงินไทยก็ประมาณเกือบๆ 40,000 บาท ซึ่งจะได้ทั้งตัวมือถือ และ Pad Station และกำหนดวางขายในเดือนเมษายนนี้ ใครชอบอะไรที่แปลกใหม่ ดีไซน์หรู วัสดุเทพๆ เจ้านี่ก็น่าสนใจมากครับ ทิ้งท้ายไว้ด้วยคลิปสัมภาษณ์ผู้บริหาร Asus พร้อมทั้งแนะนำPadFone Infinity ด้วยตัวเองได้ที่ด้านล่างนี้เลย



อ้างอิง : androidauthority

ที่มา : http://www.itplaza.co.th/update_details.php?type_id=5&news_id=25050&page=1

Samsung ปรับสเปค "Galaxy S IV" ชิป Snapdragon 600 พร้อมจอ LCD แทน AMOLED !!

สเปคภายในของ Galaxy S IV สมาร์ทโฟน Flagship ที่หลายคนจับตามองอยู่ มีข่าวลือว่าจะใช้จอ AMOLED 4.99 นิ้ว (Full HD), ชิป Exynos 5 Octa ฯลฯ อย่างไรก็ตาม จากข้อมูลของ Sammobile ปรากฏว่า Samsung ได้ปรับสเปคไปใช้ชิป Snapdragon 600 (1.9GHz) และหน้าจอ SoLux LCD 4.99 นิ้ว (Full HD)  ด้วยสาเหตุชิป Exynos รุ่นใหม่เกิดปัญหา Overheat และจอ AMOLED ที่ยังเจอปัญหาการผลิตอยู่ในตอนนี้ จึงต้องปรับสเปคอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ เพื่อให้ทันจำหน่ายตามเวลาที่วางไว้
  ด้านสเปคภายในที่น่าสนใจเช่น ความบางบอดี้ที่ 7.7 มิลลิเมตร, กล้อง 13 ล้านพิคเซล, แบตเตอรี่ถอดออกได้ และรัน Android 4.2.2 พร้อมคุณสมบัติใหม่ๆ มากมาย หากใกล้งานเปิดตัวเท่าไหร่ ก็คงมีข้อมูลออกมาเรื่อยๆ ครับ ลองติดตามดูได้เลย :D
 
 
อ้างอิง : Sammobile

วันจันทร์ที่ 25 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2556

Samsung Galaxy Note 8.0 จะขายราคาแพงกว่า iPad Mini?

Android อัพเดทข่าวล่าสุดกับ ป๋าเอก TechXcite ใครที่บ่นๆว่า iPad Mini ทำไมถึงขายแพงจังทั้งที่สเปคก็ไม่ใช่ว่าจะเห็นแล้วต้องร้องว้าวแต่อย่างใด ถ้าอย่างนั้นไปลองดูราคาของ Samsung Galaxy Note 8.0 ว่าที่แท็บเล็ต Android รุ่นต่อไปจาก Samsung ที่เขาบอกมาว่าแพงกว่าของ iPad Miniที่เป็นคู่แข่งโดยตรงอีกนะนั่น!!!

Samsung Galaxy Note 8.0
โดยเว็บไซต์ Tablet.bg ซึ่งเป็นตัวแทนจำหน่ายแท็บเล็ตในประเทศบัลแกเรียอ้างว่าพวกเขาได้รับราคาวางจำหน่ายจริงของ Samsung Galaxy Note 8.0 มาแล้ว ซึ่งราคาของ Samsung Galaxy Note 8.0 WiFi จะอยู่ที่ 359 ยูโร ในขณะที่ iPad Mini 16GB WiFi ราคาเริ่มต้นอยู่ที่เพียง 349 ยูโรเท่านั้น

แต่แน่นอนว่าถ้าราคาแพงกว่าอย่างนี้ Samsung Galaxy Note 8.0 ก็ต้องมีสเปคที่ดีกว่า iPad Mini ตามไปด้วยเป็นธรรมดา ซึ่งจากข่าวคราวที่ออกมาก่อนหน้านี้ดูเหมือนว่า Samsung Galaxy Note 8.0 จะมาพร้อมกับหน้าจอความละเอียด 1280*800 พิกเซล, Quad Core CPU 1.6GHz, 2GB RAM, S Pen และความสามารถในการเพิ่มความจุผ่าน Micro SD Card นั่นแหละครับ
ที่มา: phonearena
    ขอบคุณเนื้อหา และภาพประกอบ  บทความโดย: ป๋าเอก TechXcite

http://www.itplaza.co.th/update_details.php?type_id=2&news_id=25023&page=1

อัพเดทราคา iPad 4 ราคา The new iPad วันที่ 19 กุมภาพันธ์ 2556

เรียกได้ว่า ในปีนี้ Apple ลุยตลาดแท็บเล็ตอย่าง เต็มที่เลยทีเดียวครับ เนื่องจากในปีที่ผ่านมานั้น ผลิตภัณฑ์ iPad จะเปิดตัวปีละ 1 รุ่นเท่านั้น แต่ในปีนี้ Apple ได้เปิดตัวกันถึง 3 รุ่นด้วยกัน เริ่มด้วยตอนต้นปี เมื่อเดือนมีนาคมที่ผ่านมา กับการเปิดตัว The new iPad (iPad 3) ซึ่งเป็น iPad รุ่นแรกที่ใช้หน้าจอแบบ Retina display และมีความละเอียดของหน้าจอถึง 2048 x 1536 พิกเซลเลยทีเดียว
และเมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา Apple ได้จัดอีเวนท์เปิดตัวผลิตภัณฑ์อีกครั้ง ด้วยการเปิดตัว iPad ถึง 2 รุ่นด้วยกันครับ นั่นก็คือ iPad mini (ไอแพด มินิ) และ iPad 4 (ไอแพด 4) ซึ่งเรียกเสียงฮือฮาได้อย่างมากทีเดียว โดย iPad Mini นั้น เป็นแท็บเล็ตที่ถูกคาดการณ์ไว้อยู่แล้วว่า จะต้องเปิดตัวในงานนี้อย่างแน่นอน ในขณะที่ข่าวคราวของ iPad 4 เพิ่งจะมีข่าวเมื่อไม่นานมานี้ และคาดว่า น่าจะเปิดตัวในปี 2013 แต่สุดท้าย Apple กลับเลือกที่จะเปิดตัวพร้อมกับ iPad mini ครับ แน่นอนว่า การเปิดตัว iPad 4 (ไอแพด 4) นั้น ทำให้ The new iPad (iPad 3) ต้องถูกตัดออกจากสายผลิตภัณฑ์ เนื่องจาก ipad 4 นั้น เป็นรุ่นที่เข้ามาแทนที่ iPad 3 นั่นเอง
ถ้าหากท่านใดลองเข้าไปที่หน้าเว็บไซต์ Apple Store จะพบว่า The new iPad (iPad 3) ได้ถูกตัดออกจากหน้าเว็บไซต์เป็นที่เรียบร้อยแล้วนะครับ ซึ่ง หน้าเว็บไซต์ Apple Global จะเป็นรูปของ iPad 4 แล้ว ในขณะที่ Store ในไทย ขึ้นเป็นรูป iPad 2 แทน เนื่องจาก iPad 4 (ไอแพด 4) ยังไม่มีกำหนดการเปิดจำหน่ายในประเทศไทยนั่นเอง
iPad 4 (ไอแพด 4) เปิดจำหน่ายในไทยอย่างเป็นทางการแล้ว บน Apple Store Thailand ประเทศไทย และ iStudio ครับ ซึ่ง อย่างที่คาดไว้ก็คือ ราคา iPad 4  (ไอแพด 4) เท่ากับราคา The new iPad (iPad 3) ตอนเปิดตัวนั่นเอง ส่วน iPad 3 ได้มีการปรับราคาลงแล้วเช่นกัน นอกจากนี้  iPad 4 เครื่องหิ้ว มาบุญครอง ก็มีจำหน่ายเป็นที่เรียบร้อยแล้วครับ ทั้งรุ่น Wi-Fi และ Wi-Fi + Cellular มาดูราคา iPad 4 (ราคา ไอแพด 4) อัพเดทประจำวันนี้กันครับ

โดยราคา ipad 4 (ราคา ไอแพด 4) นั้น ถูกกำหนดให้เท่ากับ ราคา the new ipad (ราคา ipad 3) นั่นก็คือ เริ่มต้นที่ $499 สำหรับรุ่นความจ 16GB Wi-Fi หรือถ้าหากเป็นราคาที่ขายในไทย จะเท่ากับ 16,500 บาทนั่นเอง ซึ่ง ราคา iPad 4 (ราคา ไอแพด 4) เครื่องศูนย์ มาบุญครอง นั้น ถือว่า ไม่ได้มีระดับราคาที่สูงจนเกินไป ส่วนเครื่องนอก ก็เป็นที่น่าจับจองครับ และแน่นอนว่า เครื่องหิ้ว iPad 4 มาบุญครองนั้น ยังคงได้รับการประกันศูนย์ Apple เป็นเวลา 1 ปีเช่นกันครับ
ส่วน The new iPad (iPad 3) แม้ว่าในตอนนี้ จะถูกถอดออกจาก Apple Store ไปแล้ว แต่ก็ยังมีบางร้านที่เปิดจำหน่าย the new iPad (iPad 3) อยู่ครับ อย่างเช่น ร้าน iStudio ซึ่งเป็นตัวแทนจำหน่ายสินค้า Apple ได้ปรับราคา iPad 3 ลงเป็นที่เรียบร้อยแล้วเมื่อวันที่ 24 ตุลาคมที่ผ่านมา โดยราคาเป็นดังนี้ครับ
- 16GB Wi-Fi ราคาเดิม 16,500 บาท เหลือ 14,900 บาท
- 32GB Wi-Fi ราคาเดิม 19,500 บาท เหลือ 17,900 บาท
- 64GB Wi-Fi ราคาเดิม 22,500 บาท เหลือ 20,900 บาท
- 16GB Wi-Fi + Cellular ราคาเดิม 20,500 บาท เหลือ 18,900 บาท
- 32GB Wi-Fi + Cellular ราคาเดิม 23,500 บาท เหลือ 21,900 บาท
- 64GB Wi-Fi + Cellular ราคาเดิม 26,500 บาท เหลือ 24,900 บาท
ส่วนราคา The new iPad (iPad 3) ที่มาบุญครอง อัพเดทล่าสุด เป็นดังนี้ครับ

ใช้ The new iPad (ipad 3) อยู่แล้ว ควรจะเปลี่ยนไปใช้ iPad 4 (ไอแพด 4) หรือไม่??
แน่นอนครับว่า การเปิดตัว iPad 4 (ไอแพด 4) นับว่า เป็นการเปิดตัวที่เร็วเกินไป อีกทั้ง หลายคนไม่ได้คาดคิดว่า Apple จะออก iPad รุ่นใหม่ถี่ขนาดนี้ ซึ่งถ้านับระยะการเปิดตัวจาก The new iPad (iPad 3) จนถึง iPad 4 พบว่า ห่างกันเพียงแค่ 7 เดือนเท่านั้น และเชื่อครับว่า ก่อนหน้าการเปิดตัว iPad 4 เพียงไม่กี่วัน อย่างน้อยต้องมีคนเพิ่งซื้อ The new iPad (iPad 3) มาอย่างแน่นอน
เมื่อมองความแตกต่างระหว่าง The new iPad (iPad 3) และ iPad 4 นั้น พบว่า ทั้ง 2 รุ่นนี้ เปลี่ยนแปลงในแบบ minor change เท่านั้นครับ โดย iPad 4 (ไอแพด 4) มีสิ่งที่แตกต่างไปจาก The new iPad (iPad 3) เพียงไม่กี่อย่างเท่านั้น อย่างแรกก็คือ ชิปเซ็ท A6X ที่เข้ามาแทนที่ A5X ซึ่งช่วยทำให้ทำงานได้เร็วขึ้น 2 เท่าทั้ง CPU และ GPU นอกจากนี้ ยังมีการปรับปรุง Wi-Fi และ LTE ให้ดีขึ้นกว่าเดิม รวมไปถึงการเปลี่ยนพอร์ต Lightning ให้มีขนาดที่เล็กลงกว่าเดิม
อย่างไรก็ดี ถ้ามองในแง่ของผู้บริโภค ผู้ที่ใช้ The new iPad (iPad 3) อยู่แล้ว ยังไม่มีความจำเป็นที่จะต้องเปลี่ยนเป็น iPad 4 (ไอแพด 4) แม้ว่า iPad 4 จะประมวลผลได้เร็วขึ้นก็ตาม อีกทั้ง นักพัฒนาแอพพลิเคชั่นส่วนใหญ่ ยังคงใช้ iPad 2 หรือ The new iPad เป็นแพลทฟอร์มมาตรฐานในการพัฒนาแอพฯ ครับ ทางที่ดี ควรจะรอ iPad 5 (ไอแพด 5) ดีกว่า แต่ในตอนนี้ ยังไม่มีข้อมูลว่า iPad 5 (ไอแพด 5) จะออกมาช่วงไหน จะเป็นช่วงเดือนมีนาคมเหมือนทุกๆ ปีหรือไม่ ต้องติดตามครับ
ปิดท้ายด้วยราคา iPad 2 (ไอแพด 2) กันบ้างครับ โดย ipad 2 นี้ นับว่าเป็นไลน์สุดท้ายของ iPad ที่ยังอยู่ใน Store ซึ่งได้มีจำหน่ายเพียงแค่ 2 รุ่นเท่านั้น นั่นก็คือ 16GB Wi-Fi และ 16GB Wi-Fi + 3G โดยราคาเริ่มต้นนั้น อยู่ที่ 13,900 บาท สำหรับรุ่น 16GB Wi-Fi ครับ มาดูราคา ipad 2 (ไอแพด 2) กันครับ

บทความ และข่าวสาร iPhone 5 ที่เกี่ยวข้อง
>>> อัพเดทราคา iPad mini เครื่องศูนย์ มาบุญครอง เครื่องหิ้ว[19 กุมภาพันธ์ 2556]
>>> อัพเดทราคา iPhone 4 8GB วันที่ [19 กุมภาพันธ์ 2556]
>>> อัพเดทราคาไอโฟน 5 เครื่องหิ้วเครื่องศูนย์ มาบุญครองในไทยล่าสุด [19-ก.พ.-56]

สนับสนุนเนื้อหา: techmoblog

ที่มา : http://www.itplaza.co.th/update_details.php?type_id=2&news_id=25024&page=1

Nokia เปิดตัว Lumia 520, Lumia 720 รสชาติ Windows Phone ราคาน่าชิม!

WP8 อัพเดทข่าวล่าสุดกับ ป๋าเอก TechXcite เปิดงาน Mobile World Congress 2013 ก็ไม่รอช้าสำหรับค่าย Nokia ที่ประกาศเปิดตัว Nokia Lumia 520 และ Nokia Lumia 720 อีกสองสมาร์ตโฟนบนระบบปฏิบัติการ Windows Phone 8 ที่มีสเปคและราคาน่าสฟาดอยู่ไม่น้อยทีเดียว 

Nokia Lumia 520 specs

  • Operating SystemWindows Phone 8
  • Networks: WCDMA 900/2100, 850/1900/2100, GSM/EDGE 850/900/1800/1900
  • Speed: 3G HSPA+ (21Mbps)
  • Memory: 512 MB RAM, 8 GB mass memory, support for microSD cards up to 64GB, 7GB free SkyDrive storage
  • Display: 4” IPS LCD WVGA (800 x 480 pixels) 16M colors, 2D hardened glass, super sensitive touch for fingernail and glove use
  • Processor: 1 GHz Dual Core Snapdragon™
  • Camera: 5Mpix autofocus, video recording HD 720p 30fps
  • Size: 119.9 x 64 x 9.9 mm* (*volume thickness)
  • Weight: 124g
  • Connectivity: WLAN IEEE802.11 b/g/n, Bluetooth 3.0, Integrated A-GPS, 3.5 mm audio connector, Micro USB with charging, USB 2.0 High Speed
  • Battery: 1430mAh
  • Audio: single digital microphone, 3.5mm AV connector, MP3 player
  • Colours: Yellow, red, cyan, white and black

Operating times

  • Talk time: up to 9.6 hours (on 3G)
  • Standby time: up to 360 hours

Nokia Lumia 720 specs 

Networks:
  • GSM/EDGE: 850 (5)/900 (8)/1800 (3)/1900 (2) MHz
  • WCDMA: 850 (5)/900 (8)/1900 (2)/2100 (1) MHz
  • HSPA+: 21 Mbps, (Cat 14)
OS:  Windows Phone 8, GDR1
CPU: MSM8227, 1.0 GHz
RAM: 512 MB
Storage: 8 GB + microSD Card Slot
Display: 4.3” ClearBlack WVGA LCD, 2.25 D Glass, Super Sensitive Touch
Camera: 
  • Back: 6.7 MPIX, BSI, Auto-Focus, Carl Zeiss, LED flash, HD 720p @ at 30 fps
  • Front: Skype HD wide angle (1.3Mpix)
Connectivity: NFC, A-GPS+GLONASS, WLAN (2.4/5Ghz) a/b/g/n, µUSB, BT 3.0, 3D Accelerometer, Proximity, Magnetometer, Automatic Light Sensor. (No Gyroscope).
Battery: 2000 mAh battery + Wireless Charging Cover Accessory; standby 520hrs, talk time 13.5hrs
Audio: 2 HAAC (high-amplitude audio capture) mics, HD Voice (wideband audio, noise cancellation) 
Size: 127.9 x 67.5 x 9mm
Weight: 128g
 Colours:
  • Gloss: White
  • Matte: Red, Yellow, Cyan & Black


Nokia Lumia 520

 Nokia Lumia 720



บทความโดย: ป๋าเอก TechXcite